จับตาเครื่องดื่มขึ้นราคา นับหนึ่ง! คลังรีดภาษีความหวานเฟส 3

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตาเครื่องดื่มขึ้นราคา นับหนึ่ง! คลังรีดภาษีความหวานเฟส 3

Date Time: 27 มี.ค. 2566 06:10 น.

Summary

  • คลังดีเดย์ 1 เม.ย. เก็บภาษีความหวานระยะที่ 3 ยันเครื่องดื่ม–น้ำอัดลมไม่ปรับขึ้นราคา หลังผู้ประกอบการปรับตัวลดส่วนผสมจากน้ำตาลลง แต่หากยังคงสูตรส่วนผสมเดิม ต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

คลังดีเดย์ 1 เม.ย. เก็บภาษีความหวานระยะที่ 3 ยันเครื่องดื่ม–น้ำอัดลมไม่ปรับขึ้นราคา หลังผู้ประกอบการปรับตัวลดส่วนผสมจากน้ำตาลลง แต่หากยังคงสูตรส่วนผสมเดิม ต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น พร้อมยืนยันปรับขึ้นภาษีรอบนี้ หวังดูแลสุขภาพของไทยให้ห่างไกลจากโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุม กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 กรมสรรพสามิตจะเริ่มปรับขึ้นภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาล เข้าสู่ระยะที่ 3 หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการคงภาษี 6 เดือน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบ วันที่ 1 ต.ค.65-31 มี.ค.66 ซึ่งถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับเปลี่ยนสูตรการผลิต โดยลดส่วนผสมจากน้ำตาลลง จะทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการดูแลสุขภาพของไทยให้ห่างไกลจากโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน

สำหรับภาษีความหวาน ระยะที่ 3 ที่เริ่มเก็บตั้งแต่ 1 เม.ย.66-31 มี.ค.68 มีอัตรา ดังนี้ ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 0.3 บาทต่อลิตร, ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร , ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร, ปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้ ภาษีความหวานจะมีการปรับขึ้นเป็นอัตราก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทุกๆ 2 ปี ซึ่งระยะที่ 3 จะมีผล 1 เม.ย.แล้ว ถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับตัวในการผลิต โดยลดความหวานลงจะเสียภาษีเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องดื่ม
ที่มีสารความหวาน 10-14 กรัมต่อลิตร จะเสียภาษีเพิ่มจาก 1 บาท เป็น 3 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ผลิตทยอยลดปริมาณน้ำตาลลงแล้ว ซึ่งจะไม่ทำให้มีภาระภาษีเพิ่มแต่อย่างใด

“เชื่อว่าการขึ้นภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลรอบนี้ จะไม่กระทบให้ราคาเครื่องดื่มที่มีความหวาน หรือน้ำอัดลมราคาเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นภาระต่อผู้บริโภค เนื่องจากขณะนี้ทางผู้ผลิตสินค้าได้ทยอยปรับตัวลดส่วนผสมน้ำตาลลง หรือหันไปใช้น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานอื่นๆ ผสมกับน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านสุขภาพจะน้อยกว่าแทน”

ทั้งนี้ ยกตัวอย่าง เครื่องดื่มส่วนใหญ่จากที่เคยมีความหวานจากน้ำตาลเฉลี่ย 10 กว่ากรัมต่อลิตร ขณะนี้ลดเหลือ 7.3 กรัมต่อลิตร ซึ่งถือเป็นไปตามเป้าหมายของกรม ที่ต้องการให้สินค้ามีความหวานลดลง เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค

นายณัฐกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าเครื่องดื่มที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 200 กว่ารายการ ล่าสุดในเดือน ม.ค.66 เพิ่มเป็น 1,800 รายการ หรือเพิ่มมากกว่าเดิม 9 เท่าตัว เพราะฉะนั้นจึงเชื่อว่าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมกำลังมีมากขึ้น ขณะที่น้ำอัดลมจากที่เคยมีความหวานมากๆ เกิน 10 กรัมต่อลิตร ก็เหลือความหวานเพียง 7.3-7.5 กรัมต่อลิตรในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน เชื่อว่ากรณีกระทรวงอุตสาหกรรมมีการขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานอีกกิโลกรัมละ 1.75 บาท จะยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรีบปรับสูตรการผลิตโดยลดน้ำตาลลงไปอีก

สำหรับภาษีความเค็มขณะนี้กรมศึกษาเสร็จไปแล้ว 90% แต่จะเริ่มใช้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของช่วงเวลา เพราะขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวไม่สูงนัก แต่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น หากกรมไปขึ้นภาษีตอนนี้อาจซ้ำเติมให้ผู้ผลิต และผู้บริโภคได้รับผลกระทบได้ จึงต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายอีกครั้ง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากกรมจะประกาศใช้ภาษีความเค็ม ก็จะมีระยะเวลาให้ปรับตัวอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งจะไม่มีผลทันทีแต่อย่างใด.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ