ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ผลิตเหล็กในไทยพากันช็อกกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งผลการไต่สวนเพื่อทบทวนความจำเป็นในการบังคับใช้ต่อของมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สำหรับสินค้าเหล็กล่าสุด โดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดฯ ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ปรากฏว่าแค่วันเดียวของการพิจารณา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดฯได้มีมติให้ยุติการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กถึง 3 มาตรการรวด โดยเป็นสินค้าเหล็กจาก 6 ประเทศทุ่มตลาดรายใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน เวียดนาม ตุรกี บราซิล อิหร่าน และมาเลเซีย นับเป็นการมีมติยุติมาตรการ AD รวดเดียวมากสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่ประเทศไทยเริ่มมีการใช้มาตรการตอบโต้สินค้าทุ่มตลาดตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา
นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดฯดังกล่าวว่า อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศไทยต้องปิดกิจการลง เนื่องจากประเทศที่กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็ก ต่างเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก ได้แก่ จีนอันดับ 1 ตุรกี อันดับ 7 บราซิลอันดับ 9 อิหร่านอันดับ 10 เวียดนามอันดับ 13 และมาเลเซียอันดับ 26 ของโลก ตามข้อมูลล่าสุดของสมาคมเหล็กโลก (World Steel Association)
ในขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศไทยซึ่งเผชิญปัญหาสินค้าเหล็กทุ่มตลาดมาตลอด ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียง 33% เท่านั้น เทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งมีการใช้กำลังการผลิตมากถึง 89% หากรัฐบาลไทยเปลี่ยนนโยบายยุติมาตรการ AD ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยให้เกิดการค้าที่เป็นธรรม การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็ก ในประเทศไทยต้องลดน้อยลงไป จนในที่สุดก็จะไม่สามารถเปิดกิจการต่อไปได้ เนื่องจากไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต.