ส.ว.สถิตย์แนะพันธกิจการเป็นแหล่งทุนเอสเอ็มอีแบงก์ต้องแตกต่างจากแบงก์พาณิชย์

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ส.ว.สถิตย์แนะพันธกิจการเป็นแหล่งทุนเอสเอ็มอีแบงก์ต้องแตกต่างจากแบงก์พาณิชย์

Date Time: 16 ก.พ. 2566 11:08 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • "ส.ว.สถิตย์" แนะพันธกิจการเป็นแหล่งทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยต้องแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ พร้อมสะท้อนเสียงจากเอสเอ็มอีที่ผ่านมา ทำบทบาทได้ดี

Latest


"ส.ว.สถิตย์" แนะพันธกิจการเป็นแหล่งทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยต้องแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ พร้อมสะท้อนเสียงจากเอสเอ็มอีที่ผ่านมา ทำบทบาทได้ดี

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงบทบาทและความสำคัญของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ภายหลังวุฒิสภาพิจารณารายงานกิจการประจำปีงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปี 2564 ว่า ในบริบทปัจจุบันธนาคารฯ ถือเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะกิจการเอสเอ็มอีถือเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเติบโตและยกระดับการพัฒนา ธนาคารฯ จึงควรตระหนักถึงพันธกิจอันพิเศษของตน ซึ่งแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

"ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยถือว่า เป็นธนาคารที่มีความสำคัญมาก เพราะว่า ในประเทศไทยมีผู้ประกอบกิจการเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมากและสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการประกอบกิจการเอสเอ็มอี คือ เรื่องแหล่งเงินทุน ที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้ดำเนินการดูแลเอสเอ็มอีเป็นอย่างดีตลอดมา โดยไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเงินทุนที่ดีให้กับเอสเอ็มอีเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งให้ความรู้ที่สำคัญกับเอสเอ็มอีด้วย ตามที่ทางธนาคารฯ ได้มีแนวทางในเรื่องความรู้คู่กับการเป็นแหล่งเงินทุน เพราะว่า การเป็นแหล่งเงินทุนแล้วไม่ได้ให้ความรู้ไปด้วยก็ไม่สามารถที่จะทำให้เอสเอ็มอีนั้นชำระหนี้คืนได้ เพราะเป้าหมายของการเป็นธนาคาร คือ เมื่อให้สินเชื่อกับลูกค้าไปแล้ว ลูกค้าต้องมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ การที่ธนาคารฯ ได้มีแนวทางในการให้คำปรึกษาในการประกอบธุรกิจก็เท่ากับว่าสร้างความสามารถในการชำระหนี้ให้กับลูกค้าเหล่านั้น ที่สำคัญทำให้เอสเอ็มอีสามารถเจริญเติบโตเป็นเสาหลักที่สำคัญอีกเสาหลักหนึ่งของประเทศได้" นายสถิตย์ กล่าว

นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า มีโอกาสพบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายราย ซึ่งได้ชื่นชมว่า ธนาคารฯ ให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของแหล่งเงินทุนและการให้ คำปรึกษา ทั้งในเรื่องที่ธนาคารเอสเอ็มอีดำเนินการเองและการเป็นตัวแทนของกองทุนเอสเอ็มอีในการดำเนินการบริหารจัดการให้กับกองทุนซึ่งได้ผลดีมาตลอด และควรจะได้ดำเนินการในเรื่องที่ดีเหล่านี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม เสนอแนะว่า ธนาคารฯ ซึ่งเรียกตัวเองว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนานั้นถูกต้องแล้ว เพราะว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะธนาคารเอสเอ็มอี แต่รวมถึงธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาทั้งสิ้น เพราะธนาคารเหล่านี้ เป็นธนาคารที่จัดตั้งขึ้นโดยมีกฎหมายพิเศษที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ เพราะฉะนั้นก็จะแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ เมื่อเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาเช่นนี้ ก็จะไปยึดมาตรฐานเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ปรัชญาของการดำรงอยู่ซึ่งธนาคารกำลังพัฒนาก็จะหมดสิ้นไป ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการพัฒนานั้นต้องสามารถเข้าไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ เพราะว่าหากเข้าถึงแหล่งเงินทุนเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ การดำรงอยู่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยก็จะไม่มีนัยยะที่สำคัญ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์