นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2566 ได้รับทราบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ...ตามที่ ครม.เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2566 เรียบร้อยแล้ว โดยจะนำประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆนี้นั้น ทางดีอีเอสจะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลและออกนโยบาย เพื่อกำหนดลักษณะที่เป็นพฤติกรรมต้องสงสัยในการโอนเงิน หากตรวจพบจะสามารถอายัดบัญชี และหยุดการทําธุรกรรม เพื่อรอการตรวจสอบได้เป็นเวลา 7 วัน ถ้าพบว่าทําถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่มิจฉาชีพ ก็จะปล่อยให้สามารถทําธุรกรรมต่อไปได้ แต่หากพบว่าเป็นบัญชีที่มีปัญหา ก็จะสั่งปิดและดำเนินคดี โดยการเพิ่มอำนาจนี้จะทําให้ดีอีเอสสามารถป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ได้ทันที
“ในกฎหมายก็จะมีการตั้งคณะกรรมการ โดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจจัดตั้งเพื่อกำหนดนโยบายประสานงานกับทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้ รวมถึงกำหนดบัญชีต้องสงสัย หรือพฤติกรรมต้องสงสัยที่จะระงับการทําธุรกรรมทางการเงิน”
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับนี้จะช่วยแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์รวมถึงอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการระงับยับยั้งการโอนเงินผ่านบัญชีม้า ซึ่งต่อไปผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าจะมีความผิดตามกฎหมาย คือ โทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท และหากพบว่ามีการใช้บัญชีม้าในการโอนเงินของคนร้าย หรือมิจฉาชีพ จะสามารถอายัดบัญชี และหยุดการโอนเงินทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง ในการโอนต่อไปเป็นทอดๆได้ทั้งหมด และนอกจากการปราบปรามแก๊งเปิดบัญชีม้าแล้ว กฎหมายฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงเรื่องซิมผี ซึ่งจะมีความผิดเช่นเดียวกับการใช้บัญชีม้า จึงขอเตือนประชาชน และคนที่ไปลงทะเบียนมือถือให้ผู้อื่นใช้ จะมีความผิด โดยมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับที่ไปรับจ้างได้เงินเพียง 500-2,000 บาท แต่ต้องมาโดนปรับเงินถึง 300,000 บาท และเป็นคดีความด้วย.