สวัสดีปีใหม่ปีกระต่ายที่น่ารักครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพ พบกันวันแรกก็ต้องเขียนถึงอนาคตที่ไม่สดใสของปี 2566 เสียแล้ว สารพัดวิกฤติกำลังโหมกระหน่ำโลกปี 2566 ต่อเนื่อง ซ้ำร้ายยังหนักหนาสาหัสกว่าปี 2565 ทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง การค้า และภูมิรัฐศาสตร์โลก มีการแบ่งขั้วอำนาจกันชัดเจนระหว่าง โลกตะวันตก ที่มี สหรัฐฯ เป็นผู้นำ กับ โลกตะวันออก ที่มี จีน ผู้นำ ไปจนถึง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ขยายวงไปสู่ สงครามเทคโนโลยีในทุกมิติ และ สงครามรัสเซียยูเครน ที่ยืดเยื้อข้ามปี
แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเริ่มฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว แต่ก็หนีไม่พ้นผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก ตัวเลขการส่งออกติดลบติดต่อกัน 2 เดือนแล้ว ตุลาคมติดลบ 4.4% ติดลบครั้งแรกในรอบ 19 เดือน พฤศจิกายนติดลบอีก 6% ส่งผลให้ 11 เดือน ยอดส่งออกแท้จริงเหลือ 6.5% และปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพียง 1% เท่านั้น
วันปีใหม่ 1 มกราคม 2566 นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ส่งสัญญาณเตือนผ่านรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS สหรัฐฯว่า ปี 2566 จะเป็นปีที่ยากลำบากกว่าปี 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ 3 ประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่าง สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน ชะลอตัวลงในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2565 ไอเอ็มเอฟ เคยออกมาเตือนแล้วว่ากว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะหดตัว และมีโอกาส 25% ที่จีดีพีโลกจะเติบโตน้อยกว่า 2% ในปี 2566 ซึ่งถือว่าเป็นภาวะถดถอยทั่วโลก จากสงครามรัสเซียยูเครนที่ยืดเยื้อ แรงกดดันของเงินเฟ้อ และธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ไอเอ็มเอฟ ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียปี 2566 สู่ระดับ 4.3% จากคาดการณ์เดิม 5.1% คาดว่าเศรษฐกิจจีนปี 2566 จะขยายตัวได้เพียง 4.4% และปี 2567 ขยายตัวได้ 4.5% ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ จากตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง แต่สหรัฐฯยังมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญคือ ผลกระทบจากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ 2% ในขณะที่ สหภาพยุโรปจะได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครนอย่างรุนแรง เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอียูครึ่งหนึ่ง (จาก 27 ประเทศ) จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566
ฟังแล้วน่ากลัวนะครับ เศรษฐกิจโลกปี 2566
เมื่อเห็นภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2566 แล้ว ก็หันมาดูภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปี 2566 กันบ้าง ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายอย่างที่ สหรัฐฯ ยุโรป จีน และอีกหลายสิบประเทศทั่วโลกต้องเผชิญ เป็นเพราะ “บุญเก่า” ของเราดี มีการปรับตัวมาตั้งแต่หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง เช่น เพิ่มทุนสำรองระหว่างประเทศ ลดการเป็นหนี้ต่างประเทศระยะสั้น สร้างความมั่นคงแบบยั่งยืนให้กับระบบธนาคารและระบบการเงินไทย แก้กฎหมายให้แบงก์ชาติเป็นอิสระจากนักการเมือง ห้ามรัฐบาลก่อหนี้เกินเพดาน เป็นต้น ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยสามารถรับแรงกระแทกจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยได้ดีพอสมควร ยกเว้นภาคการส่งออก
ไปดู ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่ผมเก็บมาจาก เว็บไซต์การเงินธนาคาร เริ่มจาก คนนอกมองไทย เช่น ธนาคารโลก คาดว่าจีดีพีไทยปีนี้ยังเติบโตได้ 3.6% ไอเอ็มเอฟ คาดว่าจะโต 3.7% เอดีบี คาดว่าจะโต 4.0% และ คนในมองกันเอง เช่น สภาพัฒน์ คาดว่าจะโต 3.5% กระทรวงการคลัง คาดว่าจะโต 3.8% แบงก์ชาติ คาดว่าจะโต 3.7%
ถ้าเราได้ นายกฯหน้าใหม่ในปีนี้ เศรษฐกิจไทยอาจโตสวนกระแสโลกมากกว่านี้ก็ได้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”