ครม.จัดให้ "ของขวัญปีใหม่" ปี 66 ช้อปดีมีคืนสูงสุด 4 หมื่น-ลดภาษีที่ดิน-ค่าโอนบ้าน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ครม.จัดให้ "ของขวัญปีใหม่" ปี 66 ช้อปดีมีคืนสูงสุด 4 หมื่น-ลดภาษีที่ดิน-ค่าโอนบ้าน

Date Time: 21 ธ.ค. 2565 10:50 น.

Summary

  • “อาคม” เผยแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ คาดเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 278,771 ล้านบาท มีผลต่อจีดีพี 0.76% ขณะที่รัฐสูญเสียรายได้เพียง 18,690 ล้านบาท “ช้อปดีมีคืน” ปีนี้ เพิ่มค่าเติมน้ำมัน

Latest

ทอท. ลงทุนเต็มพิกัด 10 ปี 2 แสนล้านบาท เที่ยวบินอินเตอร์ฟื้นตัวเกิน 100%

“อาคม” เผยแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ คาดเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 278,771 ล้านบาท มีผลต่อจีดีพี 0.76% ขณะที่รัฐสูญเสียรายได้เพียง 18,690 ล้านบาท “ช้อปดีมีคืน” ปีนี้ เพิ่มค่าเติมน้ำมันได้ ขอความร่วมมือลดค่าเครื่องบิน ย้ำ! ไม่มีคนละครึ่งเฟส 6 ชี้เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.65 ได้อนุมัติมาตรการและโครงการต่างๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญปี 2566 ให้แก่ประชาชน โดยในส่วนของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ รวม 18 มาตรการ 30 โครงการย่อย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงปีใหม่นี้ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย ทั้งนี้ แม้จะทำให้รัฐเสียรายได้ 18,690 ล้านบาท แต่มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 278,771 ล้านบาท และมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 0.76%

กลับมาแล้ว “ช้อปดีมีคืน ปี 66”

สำหรับรายละเอียดมาตรการของขวัญของกระทรวงการคลัง แบ่งเป็นมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม 5 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 66” มีผลวันที่ 1 ม.ค.- 15 ก.พ.2566 กำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท แบ่งเป็น 1.ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ 30,000 บาทแรก ออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ 2.ค่าซื้อสินค้าหรือบริการอีก 10,000 บาท ออกใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าที่เข้าร่วมมาตรการ เช่น ค่าซื้อสินค้า และค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าโอทอป โดยครั้งนี้ได้เพิ่มรายการสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันด้วย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันของประชาชน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เพิ่มเติมเข้าไป

อย่างไรก็ตาม สินค้าและบริการ 10 ประเภท ที่ไม่สามารถนำมาร่วมมาตรการได้ คือ ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ค่าซื้อยาสูบ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว และค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

“คาดว่าช้อปดีมีคืนครั้งนี้ จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่า 56,000 ล้านบาท มีผลต่อจีดีพี 0.16% และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี และสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์”

ลดภาษีปลูกสร้าง-ค่าธรรมเนียมอสังหาฯ

2.มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 โดยลดภาษีให้ในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของปีภาษี พ.ศ.2566 เช่น กรณีมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 1 ล้านบาทใช้ประกอบกิจการ เช่น ร้านขายของชำ ร้านตัดผม ร้านขายอาหารตามสั่ง โรงงาน อาคารสำนักงาน เป็นต้น ปกติจะมีภาระภาษี 3,000 บาท จะได้รับส่วนลด 450 บาท ทำให้ต้องเสียภาษี 2,559 บาท เป็นต้น 3.มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหา ริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2) เฉพาะราคาซื้อขายและราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อสัญญา

4.มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานภายในประเทศ หรือน้ำมันเครื่องบินที่ใช้ภายในประเทศ จากลิตรละ 4.726 บาท เหลือลิตรละ 0.20 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2566

เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง 5.มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ให้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 สำหรับผู้ประกอบการที่ประสงค์จะประกอบกิจการต่อเนื่อง ณ สถานประกอบการเดิม ประเภทใบอนุญาตเดิม ที่ยื่นคำขอระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2566 เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

นายอาคมกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการและโครงการของขวัญปีใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเสริมสร้างวินัยการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ประกอบด้วย มาตรการคืนเงินหรือลดอัตราดอกเบี้ย สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ รางวัลพิเศษของสลากออมสิน การลดค่างวดผ่อนชำระ และการยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันสินค้า เป็นต้น

ขอความร่วมมือลดค่าตั๋วเครื่องบิน

นอกจากนั้น จากมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเครื่องบิน จากลิตรละ 4.726 บาท เหลือ 0.20 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 66 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริการให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และบรรเทาผลกระทบของสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นั้น ขอความร่วมมือไปยังสายการบินที่ได้รับสิทธิลดภาษีดังกล่าว ช่วยปรับลดค่าโดยสารให้ประชาชน ด้วยการออกบัตรกำนัล (กิ๊ฟต์ วอชเชอร์) และให้ไมล์สะสม เป็นต้น

“ขอความร่วมมือสายการบินด้วย เมื่อรัฐบาลลดภาษีให้แล้ว ก็ช่วยลดค่าตั๋วเดินทางให้ด้วย เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ที่ผ่านมา ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าค่าโดยสายแพงขึ้นมาก ดังนั้นหากจะปรับค่าโดยสารก็ขอให้ทยอยปรับขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ทุกครั้งที่หารือสมาคมสายการบินก็ขอความร่วมมือทุกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาสายการบินก็มาขอให้รัฐช่วยทั้งลดภาษีน้ำมัน วงเงินเสริมสภาพคล่อง ส่วนมาตรการคนละครึ่ง เฟส 6 ที่กระทรวงการคลังไม่ได้นำกลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งนั้น เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มทยอยฟื้นตัวแล้ว กำลังซื้อเริ่มกลับมาแล้ว ดังนั้นโครงการคนละครึ่งเฟส 6 ไม่จำเป็นต้องนำกลับมาใช้อีกต่อไป”

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้ประเมินมาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566 นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาใช้จ่ายผ่านมาตรการจำนวน 1.4 ล้านคน วงเงินใช้จ่ายประมาณ 42,000 ล้านบาท ขณะที่ จะทำให้กรมสูญเสียรายได้ประมาณ 6,200 ล้านบาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ