วันนี้ผมมีข้อมูล “เศรษฐกิจโลก” และ “เศรษฐกิจไทย” ที่เก็บมาจากงานสัมมนาออนไลน์ของ วารสารการเงินธนาคาร เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับ การวางแผนธุรกิจปี 2566 ซึ่งจะเป็นปีท้าทายอย่างยิ่ง เพราะจะเกิด “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ใน ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป อังกฤษ แต่ประเทศกำลังพัฒนาเศรษฐกิจกลับโตสวนกระแส เช่น จีน อินเดีย อาเซียน (ยกเว้นเมียนมา) โดยเฉพาะ ประเทศไทย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด จากภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อในประเทศ
ไปฟังการวิเคราะห์ของ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ในหัวข้อ ภูมิทัศน์การเงิน ความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 กันครับ
ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกปี 2566 มีสัญญาณชัดเจนว่าจะชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจาก ธนาคารหลักๆของโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายพร้อมกัน และเป็นการขึ้นที่ค่อนข้างเร็วและแรง ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีเรื่อง shock ต่างๆ เช่นสงครามรัสเซียยูเครน ทำให้ราคาพลังงาน ราคาอาหาร และเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงในหลายมิติ ไม่ใช่เฉพาะโควิด บางคนอาจรู้สึกว่ากระทบการส่งออก บางคนอาจรู้สึกว่ากระทบราคาอาหารและพลังงานสูงขึ้น บ้างอาจรู้สึกว่ากระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น ปีหน้า 2566 สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความเสี่ยงเรื่องตลาดการเงินโลก จะผันผวนอย่างมาก ปกติการขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ประเทศที่มีหนี้สูงจะเจอปัญหา แต่ครั้งนี้ความเสี่ยงกลับเกิดขึ้นกับประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุด เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติกล่าวว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มมีปัญหาสภาพคล่องลดลง การขายพันธบัตรลอตใหญ่ อาจจะขายได้ยากขึ้น พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษก็มีความผันผวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะเห็นได้มากขึ้นในอนาคต
นี่คือ ภาพของเศรษฐกิจการเงินโลกปี 2566
แต่ ภาพเศรษฐกิจไทยปี 2566 ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติ ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวอย่างสบายใจว่า ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว การส่งออกจะชะลอตัว ธปท.คาดว่า การส่งออกปี 2566 จะเติบโตเพียง 1% แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยถูกเอื้อด้วย การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งมาจาก รายได้ที่มีการฟื้นตัว และ การฟื้นตัว ของภาคการท่องเที่ยว ธปท.คาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 10 ล้านคน และปี 2566 ที่ 20 ล้านคน แรงงานไทยและเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ดังนั้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะเอื้อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ก็ชัดเจนนะครับ เศรษฐกิจไทยปีหน้า 2566 ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากปลายปีนี้
ธปท.คาดว่า จีดีพีปี 2566 จะเติบโตได้ถึง 3.7% จาก 3% ในปี 2565 จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะ ช่วยให้แรงงานไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น มีการใช้จ่ายบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น ผมไม่แน่ในว่า ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้รวมเอาตัวเลข การท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศเข้าไปด้วยหรือเปล่า ปีนี้คนไทยเที่ยวในประเทศสูงมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจ ในจังหวัดท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรองคึกคักมาก
เรื่องของการ ขึ้นดอกเบี้ย ที่กูรูคาดว่า ธปท.จะขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 2% ในปี 2566 ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติยืนยันว่า จะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งอาจแตกต่างกับต่างประเทศ แต่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อต่างประเทศมาจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรง แต่บ้านเราไม่เห็นภาพนี้ เงินเฟ้อหลักมาจากราคาพลังงานและอาหาร เครื่องยนต์ เงินเฟ้อ (ไทย) จึงไม่ติด จึงไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง
ทั้งหมดนี้คือ ภาพของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 สิ่งที่ท่านผู้ว่าการ เป็นห่วงมากก็คือการทำมาตรการที่สร้างภาระหนี้เพิ่มให้กับคนเป็นหนี้ เช่น การพักหนี้ เพราะ ภาระหนี้ไม่ได้หายไปไหน หนี้ทุกบาททุกสตางค์ยังอยู่ครบ แต่จะเพิ่มภาระหนี้มากขึ้นในอนาคต.
“ลม เปลี่ยนทิศ”