ชาวบ้านเซ็งเอ็นจีวีขึ้น กก.ละ 1 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้พิจารณามาตรการดูแลผลกระทบราคาพลังงาน โดยมีมติทบทวนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนเพื่อลดผลกระทบต่อภาคประชาชน โดยขยายมาตรการตรึงราคา 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.นี้ โดยกำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น แอลพีจี ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีก อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก.ตามเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2566

“ราคาแอลพีจีตลาดโลกยังคงผันผวน ล่าสุด วันที่ 29 พ.ย. อยู่ที่ 633.60 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ราคานี้เมื่อคิดเป็นราคาขายปลีกควรต้องไปอยู่ที่ 480 บาทต่อถัง 15 กก. แต่ประเทศไทยยังดูแลราคาให้อยู่ที่เพียง 408 บาทต่อถัง ผ่านกลไกการอุดหนุน โดยกองทุนน้ำมัน ซึ่งขณะนี้กองทุนน้ำมันบัญชีแอลพีจี ติดลบ 43,833 ล้านบาท ซึ่ง กบง.กำหนดให้ติดลบไว้ไม่เกิน 45,000 ล้านบาท”

กบง.ยังเห็นชอบแนวทางการดูแลราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) โดยมีมติตามที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เสนอขอขึ้นราคาขายปลีก เอ็นจีวี รถยนต์ทั่วไป 1 บาทต่อกก.จาก 16.59 บาทต่อ กก. เป็น 17.59 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป จากต้นทุนที่แท้จริงซึ่งอยู่ที่ 29.51 บาทต่อ กก. และขอให้ ปตท.ต่อมาตรการโครงการเอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน ที่ช่วยเหลือรถแท็กซี่โดยให้คงราคาขายปลีก สำหรับรถแท็กซี่ ไว้ที่ 13.62 บาทต่อ กก.ระหว่างวันที่ 16 ธ.ค.2565-15 มี.ค.2566 ส่วนเอ็นจีวี รถยนต์ทั่วไปหลัง ปรับไปอยู่ที่ 17.59 บาทต่อ กก. แล้วกำหนดให้คงราคาดังกล่าว ต่อไประหว่างวันที่ 16 ธ.ค.2565-15 มี.ค.2566 การดูแลทั้ง 2 ส่วนคาดว่า ปตท.จะใช้เงินช่วยเหลือรวม 2,682 ล้านบาท.