ครม.ประกาศ “นาทีทอง” 5 ปีจากนี้ให้ต่างชาติได้เป็นเจ้าของที่ดิน 1 ไร่ในไทยเพื่อใช้อยู่อาศัย ตามนโยบายดึงคนต่างชาติคุณภาพสูง 4 กลุ่มมาอยู่และใช้จ่ายในไทย ตั้งเงื่อนไขต้องลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... โดยเปิดทางให้คนต่างด้าวสามารถเป็นเจ้าของที่ดินในประเทศไทยได้ 1 ไร่ โดยที่ดินนั้นจะเป็นสิทธิ์ที่สามารถโอนให้ลูกหลานได้ แต่ในกรณีที่ขายที่ดินทั้งหมดหรือบางส่วนจะถูกระงับสิทธิ์การได้มาซึ่งที่ดินนั้นทันที
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศดังกล่าว จะมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจำนวนเนื้อที่ที่ได้รับสิทธิ์ ไม่เกิน 1 ไร่ ตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งต้องใช้ที่ดินนั้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับตนเองเท่านั้น ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และต้องอยู่นอกเขตปลอดภัยในราชการทหาร โดยที่ดินตามสิทธ์ินี้จะไม่สามารถขายต่อเพราะอาจก่อให้เกิดการเก็งกำไร ซื้อมาขายไป
สำหรับกลุ่มต่างด้าวที่ได้รับสิทธิ์ต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลจะชักชวนเข้ามาลงทุน แบ่งเป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ที่สามารถได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งจะต้องนำเงินมาลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใดไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และการลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศเป็นกิจการที่สามารถขอรับส่งเสริมการลงทุน
นายดนุชา พิทชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า การที่กำหนดให้ร่างกฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้แค่ 5 ปี เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเรื่องของการออกวีซ่าระยะยาว LTR (Long-term resident visa) ที่มีเป้าหมาย 1 ล้านคนใน 5 ปี จึงกำหนดให้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้แค่ช่วงเดียว ไม่อยากให้เป็นการอนุญาตระยะยาว เพราะมีข้อถกเถียงประเด็นสาธารณะหลากหลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้ครบกำหนด 5 ปี ก็จะมีการพิจารณาว่า มาตรการนี้เป็นผลดีหรือไม่ หากดีก็ดำเนินการต่อ แต่หากมีผลกระทบมากก็เลิก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ที่ดินตามร่างกฎกระทรวงนี้เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทเท่านั้น และได้เพิ่มวิธีการนำเงินมาลงทุนตามประเภทของธุรกิจในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหา ริมทรัพย์ กำหนดให้ดำรงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี จากเดิมที่ ครม.เคยเห็นชอบหลักการไว้ 5 ปี และกำหนดให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย เป็นการช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ขัดข้องกับเรื่องนี้ แต่มีข้อสังเกตว่า ไม่สามารถรับรองได้ว่าคนต่างด้าวจะดำรงการลงทุนในพันธบัตรที่ ธปท.เป็นนายทะเบียนเป็นเวลาไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงอาจต้องมีกระบวนการเพื่อควบคุมให้คนต่างด้าวจะลงทุนในกิจการและธุรกิจที่กำหนดให้ครบระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ กรณีไม่ใช่เพื่อการทำธุรกรรมกับ ธปท.ผู้ลงทุนจะต้องขอหนังสือรับรองจากผู้ดูแลหลักทรัพย์ที่ตนเปิดบัญชีไว้ ส่วนสภาพัฒน์มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจข้อมูลด้านอสังหา ริมทรัพย์ในแต่ละพื้นที่ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งรัดการดำเนินการของคณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย.