นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เร่งอนุมัติมาตรการช่วยเหลือชาวนา ทั้งโครงการประกันรายได้ ข้าวปี 4 โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินรายละ 20 ไร่ และมาตรการคู่ขนานรักษาเสถียรภาพราคาโดยเร็ว เพราะโครงการประกันรายได้ เริ่มงวดแรกไปตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.65 แต่รัฐยังไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้ชาวนาได้เลย เพราะราคาข้าวเปลือกบางชนิดยังต่ำกว่าราคาประกันรายได้ เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ตันละ 13,000-14,000 บาท จากราคาประกันตันละ 15,000 บาท จึงอยากให้ ครม.อนุมัติให้ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
“เดือน พ.ย.-ธ.ค.65 ข้าวจะเริ่มออกมากกว่านี้ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ถ้ายังไม่อนุมัติโครงการอีก ชาวนาจะเดือดร้อนหนัก และอาจต้องทำหนังสือหรือเข้าไปสอบถามรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่โครงการผ่านมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ (นบข.) ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.แล้ว”
ด้านนายสุเทพ คงมาก อดีตนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า นบข.อนุมัติโครงการช่วยเหลือชาวนาวงเงิน 150,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน ก.ย. แต่ขณะนี้ ยังไม่สามารถเสนอ ครม.ได้ เพราะติดปัญหางบประมาณ จึงอยากให้รัฐเร่งแก้ไข เพราะข้าวเริ่มออกมากแล้ว “ถ้าโครงการต่างๆยังไม่ออกมาอีก อาจกระทบตลาดข้าวไทย ที่ขณะนี้ราคากำลังดี เพราะชาวนาอาจเร่งเกี่ยว แล้วนำมาขายไวขึ้น เพื่อหาเงินใช้ ขณะที่โรงสีก็มีความสามารถรับซื้อได้น้อยลง เพราะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่ทำให้มาตรการช่วยเหลือชาวนาล่าช้า เพราะรัฐบาลมีปัญหาวินัยการเงินการคลัง ขาดงบประมาณดำเนินการ เนื่องจากการใช้เงินโครงการเหล่านี้ ต้องใช้วิธีการก่อหนี้ ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันเพดานหนี้เกินมาอยู่ที่ 32% ของงบประมาณรายจ่าย เกินกว่ากรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไม่เกิน 30%.