เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมแว่บไปร่วมงานเปิดตัวศูนย์การค้าใหม่และใหญ่ในเครือ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ที่มีชื่อว่า “ดิ เอ็มสเฟียร์” โครงการที่เตรียมการลงทุนไว้ถึงกว่า 50,000 ล้านบาท
หวังว่าท่านผู้อ่านคงพอจำได้เมื่อหลายปีก่อน ประธานกรรมการบริหารเดอะมอลล์ กรุ๊ป คุณ ศุภลักษณ์ อัมพุช เคยออกมาแถลงข่าวว่า จะลงทุนสร้าง “ดิ เอ็มดิสทริค” จุดรวมของศูนย์การค้ายักษ์ 3 แห่ง ที่จะมารวมพลังอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ณ ย่านสุขุมวิท ในรัศมีของสถานีรถไฟฟ้า พร้อมพงษ์
ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม ซึ่งมีอยู่แล้ว บวกกับ ดิ เอ็มควอเทียร์ ที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังจะเปิด และ ดิ เอ็มสเฟียร์ ที่เคลียร์พื้นที่ไว้เรียบร้อย พร้อมจะลงมือก่อสร้างในอีก 2-3 ปีถัดไป
แต่แล้วโลกทั้งโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วยก็เผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่โควิด-19 ทำให้ทุกประเทศต้องปิดประเทศ หยุดการเดินทาง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยว
ทำให้ต้องหยุดโครงการ “ดิ เอ็มสเฟียร์” เอาไว้ก่อน และเป็นผล ให้โครงการ “ดิ เอ็มดิสทริค” ซึ่งจะต้องมี “3 ห้างหลัก” เหลือเพียง 2 ห้าง...ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม กับ ดิ เอ็มควอเทียร์ เท่านั้นเอง
แต่แล้วทันทีที่มีข่าวว่า “โควิด-19” เริ่มซาลงทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ประกาศลดระดับจากโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงมาเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง พร้อมกับตัดสินใจเปิดประเทศอีกครั้ง
“คุณแอ๊ว” หรือ ศุภลักษณ์ อัมพุช หญิงเหล็กผู้ปลุกปั้น ดิ เอ็มดิสทริค...ก็ตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างศูนย์การค้า “แห่งที่ 3” ทันที
ด้วยการจัดงานกึ่งแถลงข่าวกึ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการที่ห้อง เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ยุคใหม่) เมื่อวันพุธที่ 5 ตุลาคม ดังกล่าว
ซีอีโอเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า การเกิดของดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งจะเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่จะสร้างพลังให้แก่ “ดิ เอ็มดิสทริค” อย่างมหาศาล
จะทำให้ย่านสุขุมวิทอันเป็นย่านของประชากรที่มีกำลังซื้อสูงสุดของกรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจ ของความบันเทิง และการใช้ชีวิต ที่เธอยํ้าว่า “อย่างมีระดับ” ซึ่งจะดึงดูดไม่เฉพาะลูกค้าภายในประเทศเท่านั้น แต่จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาประเทศไทยของเราอีกด้วย
เธอมั่นใจมากว่า “ดิ เอ็มดิสทริค” หรือการรวมพลังของศูนย์ การค้าทั้ง 3 แห่ง โอบล้อมด้วยสวนสาธารณะขนาด 26 ไร่ อย่างสวนเบญจสิริ จะช่วยยกระดับให้กรุงเทพฯเป็นมหานครระดับโลก และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยว (รายได้สูง) จะไปช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม สินค้าลักชัวรี และสินค้าคุณภาพสูงในบริเวณนี้
เหมือนกับที่นิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส หรือโตเกียว ฯลฯ
คุณแอ๊วกล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ตัดสินใจลงมือสร้างตอนนี้ทั้งๆ ห่วงกันว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะถดถอยก็เพราะมั่นใจในโครงการ
เริ่มตอนนี้จะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปีหน้า (2566) และเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสแรกของ 2567...ซึ่งน่าจะเป็นช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกพอดี
ความสำเร็จในอดีตจากการร่วมกับสยามพิวรรธน์เปิด สยามพารากอน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ดีนักกับการเปิด ดิ เอ็มโพเรียม ในช่วงต้มยำกุ้งนั้นเลย ก็เคยถูกมองว่าจะไปไม่รอดมาแล้ว
แต่ในที่สุดทั้ง 2 โครงการก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง
เมื่อวันก่อนผมเพิ่งฟัง ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐ ...บอกว่า ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ และการท่องเที่ยวถือเป็นโอกาสอันสูงยิ่งของประเทศไทย
หวังว่ารัฐบาลจะหางบประมาณมาให้ ททท.ประชาสัมพันธ์ประเทศ ไทยครั้งใหญ่--ไปประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเอาไว้เลย โดยเฉพาะในจีน... เพื่อให้เขานึกถึงเราเป็นประเทศแรก เมื่อจีนเปิดประเทศ
ผมเป็นคนตัวใหญ่ก็จริง แต่เป็นคนใจเล็กครับ เห็นตัวเลขการลงทุน 50,000 ล้านบาท ก็อดหวั่นไหวมิได้...ก็ขอให้กำลังใจ “คนใจใหญ่” คุณ ศุภลักษณ์ อัมพุช ไว้ ณ ที่นี้
ขอให้การตัดสินใจครั้งนี้ “ถูกต้อง” เหมือนทุกๆครั้งนะครับ.
“ซูม”