กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลุยตรวจสอบนอมินีปี 68 ต่อ ตั้งเป้านิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง 26,830 ราย โฟกัสธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมรีสอร์ต โลจิสติกส์ ขายออนไลน์ คลังสินค้าทุกจังหวัด ป้องกันคนต่างด้าวแอบอ้างทำธุรกิจในไทย ใครมีข้อมูลหรือได้รับผลกระทบแจ้งข้อมูลด่วนพร้อมตรวจสอบให้ทันที
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี หรือการให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ว่า ในงบปี 68 กรมมีแผนตรวจสอบนิติบุคคลในธุรกิจกลุ่มเสี่ยงที่อาจเข้าข่ายเป็นนอมินีรวม 26,830 ราย เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายตรวจสอบปีงบ 67 ที่ 26,019 ราย ซึ่งจะเน้นธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่ง ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจคลังสินค้า เป็นต้น โดยพุ่งเป้าในทุกจังหวัดตามที่ได้รับการร้องเรียนจากภาคเอกชน หรือมีข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวมาแอบอ้างใช้คนไทยเป็นนอมินี และทำธุรกิจที่สงวนไว้ให้กับคนไทย
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบจะตรวจตั้งแต่ขั้นตอนการจดทะเบียน โดยก่อนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลจะตรวจสอบเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคนไทยที่ร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินที่สามารถลงทุนด้วยตนเองได้ และเมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะพิจารณาเรื่องการถือหุ้น ซึ่งเดิมดูตั้งแต่สัดส่วน 40% ขึ้นไป ก็จะดูว่าควรจะปรับสัดส่วนการตรวจสอบหรือไม่ รวมถึงดูเรื่องกรรมการบริษัท อำนาจกระทำการ ทั้งสิทธิ์ออกเสียง สิทธิ์รับเงินปันผล การรับคืนทุนเมื่อเลิกกิจการ เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมอยู่ระหว่างจัดทำระบบวิเคราะห์ แนวโน้มพฤติกรรมของนิติบุคคลที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย (IBAS) ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์นิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงเป็นนอมินี โดยมีโจทย์ใส่เข้าไปในระบบ เช่น ชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงและเป็นเป้าหมายจับตาของหน่วยงานพันธมิตร เช่น เสี่ยงฟอกเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือชื่อบุคคลที่ต้องจับตา อย่างคนคนเดียว แต่มีชื่อเป็นกรรมการในหลายบริษัท หรือศักยภาพในการทำธุรกิจ เช่น มีทุนจดทะเบียนนิติบุคคล 1 ล้านบาท แต่มีการเพิ่มทุนด้วยจำนวนเงินที่มากขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว คาดว่าระบบนี้จะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน “การตรวจสอบนิติบุคคลที่เป็นนอมินี กรมไม่ได้ปิดกั้นเฉพาะธุรกิจที่อยู่ในเป้าหมาย แต่เปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีข้อมูล หรือได้รับผลกระทบจากการแอบแฝงเข้ามาทำธุรกิจของคนต่างด้าวในธุรกิจต่างๆสามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ กรมพร้อมเข้าไปตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังตรวจสอบต่อเนื่องธุรกิจเสี่ยงตามที่ได้รับการร้องเรียนเพิ่มเติมอีก ทั้งธุรกิจค้าเหล็ก ก่อสร้าง ฯลฯ”
ส่วนการตรวจสอบนอมินีปี 67 นั้น ได้ตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง 26,019 ราย ใน 4 ธุรกิจคือ ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ต และธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่ง และได้คัดกรองตรวจสอบอย่างเข้มข้นเหลือ 498 ราย โดยใน 498 ราย ได้ยุติเรื่องไปแล้ว 371 ราย เพราะไม่พบความเสี่ยง ส่วนอีก 64 ราย ได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดเกี่ยวกับบัญชี ได้ส่งเรื่องต่อให้กรมสรรพากรดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 63 ราย ในจำนวนนี้พบว่ามี 4 ราย ที่ต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเป็นนอมินี อยู่ในกรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ กำลังรวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้ขยายผลการตรวจสอบต่อไป.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่