นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกหันมาใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแก้ปัญหาโลกร้อน ส่งผลให้ในปี 64 ทั่วโลกใช้เอทานอลมากถึง 102,054 ตัน, ไบโอดีเซล 44,578 ตัน, น้ำมันดีเซลหมุนเวียน 10,113 ตัน และน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยาน 142 ตัน คาดการณ์ว่าปี 68 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพทั้ง 4 ประเภทจะเพิ่มเป็น 110,236 ตัน, 51,090 ตัน, 21,038 ตัน และ 1,418 ตัน ตามลำดับ
ขณะที่ไทยสามารถผลิตไบโอดีเซลได้มากกว่าเอทานอล โดยประมาณการว่าปี 65 ผลิตไบโอดีเซลได้ 2,122 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ผลิตได้ 1,967 ล้านลิตร และคาดจะผลิตเอทานอลได้ 1,636 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ผลิตได้ 1,523 ล้านลิตร สำหรับการส่งออก ปี 64 ไทยส่งออกไบโอดีเซล มูลค่า 3,594.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 80.5% จากปี 63 และส่งออกมีมูลค่าเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในส่วนของเอทานอล ไทยส่งออก 8.5 ล้านเหรียญฯ ลดลง 25.8% โดยส่งออกมากเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์
“การส่งเสริมการผลิตและใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ นอกจากจะช่วยลดภาวะเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนแล้ว ยังสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร และสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ดังนั้นไทยควรหันมาผลิตและใช้เชื้อเพลิงชีวภาพให้ได้มากขึ้น”.