เคลมโควิดเจอ-จ่าย-จบ 8 หมื่นล้านบาท

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยในงาน “โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงวันที่ 15 พ.ค.65 ระบบประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยประเภท “เจอจ่ายจบ” ไปแล้วกว่า 81,800 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนผู้เอาประกันภัย 1.8 ล้านคน “การจ่ายเคลมให้ผู้เอาประกันภัย 81,800 ล้านบาท เป็นการเอาเงินจากกระเป๋าเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจประกันมาสู่ประชาชน ทำให้ประชาชนมีเงินไปใช้จ่าย หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แม้จะส่งผลให้บริษัทประกันภัยมีปัญหา เพราะต้องจ่ายเงินเกินตัว จากการแข่งขันกันขายประกันราคาถูก แต่ระบบประกันไม่ได้ล่มสลาย ฐานลูกค้ายังอยู่ แต่ได้กระจายไปอยู่บริษัทประกันภัยรายอื่นที่มีฐานะการเงินเข้มแข็ง โดยโควิดถือเป็นตัวคัดกรองบริษัทประกันที่ไม่แข็งแรง ทำให้อยู่ไม่ได้ เช่น 4 บริษัทที่ต้องปิดตัวไป”

นายสุทธิพลกล่าวต่อว่า หากมองย้อนไปปี 63 ที่เริ่มมีการขายประกัน “เจอจ่ายจบ” เริ่มต้นจาก 1 บริษัทประกันภัย และ 1 โบรกเกอร์ในปีนั้น สามารถสร้างเบี้ยประกันได้มากกว่า 4,000 ล้านบาท แต่มียอดเคลมราว 100 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทประกันรายอื่นๆขายประกันเจอจ่ายจบ กันมากขึ้น โดย คปภ.มีการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) กับบริษัทประกันซึ่งขณะนั้นพบว่าบริษัทยังแข็งแกร่งและรองรับวิกฤติความเสี่ยงได้ “บริษัทประกันภัย 4 รายที่ล้มไป เพราะไม่ได้บริหารความเสี่ยงที่ดีพอ โดยไม่ได้ทำประกันภัยต่อต่างประเทศ (รี อินชัวรันส์) เพราะปี 63 ที่ขายเจอจ่ายจบ มียอดเบี้ยรับสูงถึง 4,000 ล้านบาท แต่มียอดเคลมเพียง 100 ล้านบาท ถ้ามียอดเคลมเพิ่มอีก 5 เท่า 7 เท่า ก็ยังอยู่ได้ ทำให้ปี 64 บางบริษัทไม่รีออกไปเลย และบางบริษัทเหลือยอดรีเพียง 20-30% แต่ปี 64 โควิดรุนแรงมากขึ้น มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินเคลมมากขึ้น และเกิดปัญหาตามมา”.