“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” โชว์หม่องทุนสำรองปึ้กปั้ก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารกลางเมียนมาประกาศให้ภาคธุรกิจและผู้กู้รายย่อยระงับการชำระหนี้ต่างประเทศ เพื่อเป็นมาตรการปกป้องทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลง ว่า ขอประเมินสถานการณ์ก่อน อย่างไรก็ดียังยืนยันว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังแกร่ง อยู่ที่ 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 12 ของโลก ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์ ) กล่าวยอมรับว่า น่ากังวล แต่ยังไม่ได้เลวร้ายนัก โดยขณะนี้ยังไม่พบลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากคำสั่งที่ออกมาเป็นการสั่งระงับการชำระคืนเงินกู้ แต่ธุรกิจของไทยลงทุนในรูปแบบการชำระเงินเพื่อซื้อขาย ไม่ใช่สถานะชำระคืนเงินกู้

ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมามีทั้งหมด 7 ราย มูลค่าลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เช่น กรณีโรงไฟฟ้าโตโย-ไทย ที่อยู่ในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งมีการขายไฟให้รัฐบาลเมียนมา โดยรัฐบาลเมียนมาจะชำระค่าไฟที่ซื้อจากโตโย-ไทย ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีเอ็กซิมแบงก์ ซึ่งเงินที่โอนเข้ามาเอ็กซิมฯจะตัดเอาส่วนของหนี้ที่โตโย-ไทยต้องชำระให้เอ็กซิมฯออกก่อน และจึงทอนเงินที่เหลือให้กับโตโย-ไทย ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายการชำระคืนเงินกู้ตามนโยบายที่ธนาคารกลางเมียนมาได้ประกาศออกมา อย่างไรก็ตาม เอ็กซิมแบงก์เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าของเอ็กซิมแบงก์รายใดติดต่อเข้ามา “นักธุรกิจของเมียนมาส่วนใหญ่ จะมีบัญชีสำหรับชำระเงินในต่างประเทศด้วย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ไม่ได้มีเพียงบัญชีเดียวในเมียนมา ดังนั้นในการทำธุรกรรมชำระหนี้อาจไม่ต้องทำที่เมียนมาแต่ไปทำที่สิงคโปร์แทนได้”.