IMD ประกาศผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศปี 2565 ไทยร่วง 5 อันดับ จาก 28 มาอยู่ที่ 33 จาก 63 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ลดลงมากที่สุด 13 อันดับ ประสิทธิภาพภาครัฐ ลดลง 11 อันดับ ประสิทธิภาพธุรกิจ ลดลง 9 อันดับ
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวว่า สถาบัน International Institute for Management Development หรือ IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประกาศผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประจำปี 2565 โดยผลกระทบสะสมจากโควิด-19 ส่งผลให้ปีนี้ประเทศไทยมีอันดับลดลงถึง 5 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 33 จาก 63 เขตเศรษฐกิจ โดยลดลงในทุกปัจจัยชี้วัด และปัจจัยด้านเศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากที่สุด จากในปีที่แล้วอยู่อันดับที่ 28 โดยมีผลคะแนนสุทธิลดลงจาก 72.52 มาอยู่ที่ 68.67 ซึ่งต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยของ 63 เขตเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจาก 63.99 ในปี 2564 มาอยู่ที่ 70.03 ในปีนี้
เมื่อพิจารณาปัจจัย 4 ด้านที่ใช้ในการจัดอันดับ ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงจากปีที่แล้วในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐ ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ มีอันดับที่ลดลงมากที่สุดถึง 13 อันดับ ตามมาด้วย ด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ ลดลง 11 อันดับ ด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ลดลง 9 อันดับ
โดยมีประเด็นสำคัญในแต่ละด้าน ดังนี้ ด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ลดลงจากปี 2564 มาอยู่ที่อันดับ 34 ในปี 2565 สาเหตุหลักจากปัจจัยย่อยการค้าระหว่างประเทศ ที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในปี 2564 เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี จากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 จนมีผลสืบเนื่องไปถึงภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ ลดลงมาอยู่ที่อันดับ 31 ในปี 2565 สาเหตุหลักจากปัจจัยย่อยการคลังภาครัฐ จากการขาดดุลงบประมาณของภาครัฐ เพื่อประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากพิษโควิด-19 และหนี้สาธารณะของไทยที่เพิ่มสูงขึ้น
ด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ลดลงมาอยู่ที่อันดับ 30 ในปี 2565 สาเหตุหลักจากปัจจัยย่อยผลิตภาพและประสิทธิภาพ ที่ไทยยังคงมีขีดความสามารถในการแข่งขันน้อย กำลังแรงงานไทยที่มีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ลดลงจากปี 2564 เล็กน้อย 1 อันดับ
“ผลการจัดอันดับในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่เปราะบาง มีการพึ่งพิงปัจจัยภายนอกและต่างประเทศมากเกินไป ผลิตภาพการผลิตของประเทศอยู่ในระดับต่ำ ส่งผล ให้ขาดความสามารถในการแข่งขันในโลกยุคใหม่ และสะท้อนถึงการลดลงของความเชื่อมั่นในนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาครัฐ”
ทั้งนี้ IMD มีการจัดอันดับเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้รวม 5 เขตเศรษฐกิจ โดยสิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำ โดยมีอันดับดีขึ้น 2 อันดับ จากอันดับที่ 5 ในปี 2564 มาเป็นอันดับที่ 3 ขณะที่มาเลเซีย ลดลงจากอันดับที่ 25 มาเป็นอันดับที่ 32 และอินโดนีเซีย ลดลงจากอันดับที่ 37 เป็นอันดับที่ 44 นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ ดีขึ้นจากอันดับที่ 52 เป็นที่ 48 ในปีนี้ ส่วน 5 อันดับแรกของโลกในปี 2565 ได้แก่ อันดับ 1 เดนมาร์ก อันดับ 2 สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 3 สิงคโปร์ อันดับ 4 สวีเดน และอันดับ 5 ฮ่องกง.