นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ ได้ทำหนังสือถึงบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุของความล่าช้าในการลงนามสัญญาการดำเนินโครงการท่อส่งน้ำหลักในภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซี หลังจากที่บริษัทได้ส่งหนังสือถึงกรมธนารักษ์ รมว.คลัง และ รมช.คลัง เพื่อเร่งรัดให้กรมธนารักษ์เร่งรัดการดำเนินการลงนามในสัญญา โดยสาเหตุของความล่าช้านั้น เป็นผลจากมีการร้องเรียน และกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความชัดเจนในการดำเนินโครงการเพื่อความชัดเจนและตอบสังคมได้ทุกประเด็น ซึ่งขณะนี้ ผลการตรวจสอบสรุปว่า ไม่พบความผิดปกติในการประมูลโครงการ และได้เสนอให้ รมว.คลังพิจารณาว่า จะดำเนินโครงการอย่างไรต่อไป ดังนั้น จึงต้องรอคำสั่งจาก รมว.คลัง จะให้ดำเนินการโครงการอย่างไรต่อไป
ส่วนกรณีที่วงษ์สยามก่อสร้างระบุว่า อาจจะมีการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่ทางบริษัทจะดำเนินการได้ เพราะบริษัทก็ได้รับความเสียหายทั้งในเรื่องหลักประกันการยื่นซองประมูลการติดต่อเรื่องการค้ำประกันของสถาบันการเงิน หรือแบงก์การันตี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนของบริษัท นอกจากนี้ยังมีความเสียหายของธุรกิจในกรณีความล่าช้าในการดำเนินโครงการด้วย
สำหรับโครงการท่อน้ำอีอีซีนั้น ปัจจุบันทางบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เป็นผู้ดำเนินการ โดยสัญญาจะสิ้นสุดในปี 2566 ดังนั้น กรมธนารักษ์ จึงได้เปิดประมูลล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการต่อไป โดยอีสท์วอเตอร์ได้เสนอผลตอบแทนให้กับรัฐต่ำกว่าบริษัทวงษ์สยาม ทำให้บริษัท วงษ์สยามเป็นผู้ชนะการประมูลในราคา 25,000 ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินการ 30 ปี.