นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต เปิดเผยภายหลังการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาระบบติดตามและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมสรรพสามิตและสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ว่า การเชื่อมข้อมูลระหว่างกันนั้น เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบการโอนเงินเข้ากองทุนน้ำมันและการจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมใช้ระบบเอกสาร แต่จากนี้ไปจะเป็นระบบออนไลน์ ซึ่งการคืนเงินชดเชยให้ผู้ประกอบการได้รวดเร็ว จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของเอกชน
ทั้งนี้ จากการลดภาษีน้ำมันดีเซล ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 37,000 ล้านบาท รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตไม่เป็นตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณที่กำหนด 590,000 ล้านบาท และปรับลดลงเหลือ 510,000-530,000 บาท โดยรายได้ที่จัดเก็บได้สูงสุดจากผลิตภัณฑ์น้ำมัน รองลงมา คือ รถยนต์ สุรา เบียร์ และยาสูบ เป็นต้น
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สกนช.ได้ยื่นเรื่องขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ หรืองบกลาง เพื่อเติมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในระหว่างที่ สกนช.ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะกู้เงินจากแหล่งใด เนื่องจากต้องเจรจาในรายละเอียดของระยะเวลาการชำระหนี้คืนด้วย ขณะนี้สถานะกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 70,000 ล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้ากองทุนเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท แต่มีเงินไหลออกเฉลี่ยเดือนละ 7,000 ล้าน เพื่อชดเชยราคาน้ำมันดีเซล