จีดีพีไทยยังโตได้มากกว่านี้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จีดีพีไทยยังโตได้มากกว่านี้

Date Time: 23 ก.พ. 2565 06:59 น.

Summary

  • คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลข “จีดีพี” หรือ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2564 ที่ผ่านมาว่า มีการเติบโต 1.6% ดีขึ้นจากปี 2563

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลข “จีดีพี” หรือ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2564 ที่ผ่านมาว่า มีการเติบโต 1.6% ดีขึ้นจากปี 2563 ที่ติดลบ 6.2% แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ สถานการณ์ “หนี้ครัวเรือน” ในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลล่าสุด สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 89.3% ของจีดีพี เป็นเงิน 14.34 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 78.8% ในปี 2563 ส่วนจีดีพีปี 2565 สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% เฉลี่ยที่ 4% ซึ่งก็ยังไม่ครอบคลุมจีดีพีปี 2563 ที่ติดลบ 6.2%

หลังจากสภาพัฒน์แถลงข่าวเสร็จ คุณไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกสำนักนายกฯ ก็แถลงข่าวต่อทันทีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจกับตัวเลขจีดีพีปี 2564 ที่เติบโต 1.6% เพราะสูงกว่าที่คาดว่าจะเติบโต 1.2%

แต่ พ่อค้า นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปไม่รู้สึกพอใจกับตัวเลขจีดีพีปี 2564 ที่เติบโตเพียง 1.6% ไปกับนายกฯด้วย เพราะเติบโตจากฐานที่ตํ่าเตี้ยติดลบ 6.2% ก็ยังเติบโตได้เพียง 1.6% ยังไม่ฟื้นจากปี 2562 เมื่อเจาะลงไปดูตัวเลขที่สภาพัฒน์แถลงแล้วก็พบว่า จีดีพีปี 64 ที่เติบโต 1.6% การเติบโตหลักๆมาจากการส่งออกที่เติบโตเพิ่มขึ้น 18.8% ซึ่งเมื่อเจาะลึกลงไปใน บริษัทที่ส่งออกมาที่สุด 20 บริษัทแรก ก็พบอีกว่าส่วนใหญ่กว่า 90% เป็น “บริษัทต่างชาติ” ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในเมืองไทยเพื่อส่งออก คนไทยทั่วไปแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ส่วน สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ที่คนไทยได้ประโยชน์มากที่สุด ปี 2564 กลับติดลบไปอีก 14.4% จากปี 2563 บาดเจ็บกันสาหัสสากรรจ์

การที่นายกฯให้รองโฆษกออกมาแถลงว่า พึงพอใจการเติบโตของเศรษฐกิจปี 2564 ที่ 1.6% ก็ไม่รู้ว่า นายกฯไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจหรือว่าไม่ได้ดูไส้ใน จีดีพีปี 2564 ที่เติบโต 1.6% นั้น เติบโตมาจากอะไร ธุรกิจคนไทยและรายได้คนไทยเติบโตขึ้นด้วยหรือไม่

ความจริง คุณดนุชา เลขาธิการสภาพัฒน์ ได้แถลง รายได้ต่อหัวของคนไทยในปี 2564 ไว้ด้วย เฉลี่ยอยู่ที่ 232,176 บาทต่อคนต่อปี (7,255.5 เหรียญสหรัฐฯต่อคนต่อปี) สูงกว่าปี 2563 เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับปี 2562 ก็ยังต่ำกว่ามาก ปี 2562 รายได้คนไทยต่อหัวต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 248,257.4 บาท (7,996.2 เหรียญสหรัฐฯ) มากกว่าปี 2564 ราว 16,081.40 บาท ทำให้มูลค่าจีดีพีประเทศไทยยังหายไปอีกกว่า 670,000 ล้านบาท ถือว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น

คุณดนุชา ได้เสนอแนะ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี 2565 รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด พร้อมกับ สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ (ผมขอเสนอว่าควรสนับสนุนธุรกิจของประชาชนทั่วไปให้มากกว่านี้ ไม่ใช่สนับสนุนแต่ธุรกิจของเศรษฐีนายทุนไม่กี่คน) แก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า (จากการขึ้นราคาของบริษัทยักษ์ใหญ่) แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อระบบการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ RCEP เป็นต้น

คุณดนุชา ยังได้เน้น ให้รัฐบาลเร่งรัดบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ให้เกิดการ “ลงทุนจริง” ไม่ใช่ขอสิทธิไว้เป็นปีๆ แต่ไม่มีการลงทุนจริง มีแต่ตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นแสนๆล้านบาท (ที่นายกฯเอาไปคุยโวในสภาผู้แทน) แต่ไม่มีการลงทุนจริงสักบาท บางรายได้บีโอไอแล้วก็ไป ซื้อที่ดิน ใน นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเก็บไว้ เก็งกำไร รวมทั้ง ให้เร่งแก้ปัญหาที่นักลงทุนไทยและต่างชาติเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและประกอบธุรกิจ (ที่ผมรู้มีกฎหมายกว่า 7,000 ฉบับที่เป็นอุปสรรค นายกฯก็รู้มาหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้แก้ไข)

ขอเพียงนายกฯทำตามที่ คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ เสนอแนะไม่กี่ข้อให้สำเร็จ ผมฟันธงล่วงหน้าได้เลย จีดีพีไทยปีนี้เติบโตมากกว่า 4% แน่นอน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ