“พาณิชย์” จับตาต้นทุนสินค้าพุ่ง อั้นได้ไม่เกิน 2 เดือนผู้ผลิตจ่อขึ้นราคา

พาณิชย์จับตาสินค้าจำเป็นตัวต่อไป ทั้งซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารสัตว์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ย้ำราคาพลังงานขาขึ้น เป็นแค่ต้นทุนผลิตบางส่วน ด้านกระทรวงพลังงานอ้อมแอ้มดูสถานการณ์ 1 เม.ย.จะปรับขึ้นแอลพีจีหรือไม่

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ผลิตสินค้าจะตรึงราคาสินค้าได้อีก 1-2 เดือนเท่านั้น เพราะต้นทุนต่างๆ ปรับขึ้นสูงมาก โดยเฉพาะราคาพลังงานว่า ราคาพลังงานเป็นต้นทุนเพียงส่วนหนึ่งของสินค้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นต้นทุนทั้งหมด โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่รัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น ตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้น ยืนยันว่าไม่มีผลต่อราคาอาหาร เพราะก๊าซ 1 ถัง (15 กก.) ปรุงอาหารได้มาก ผู้ค้าอย่าเอามาอ้าง โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาต่ออีกระยะหนึ่ง และยืนยันว่าได้พยายามตรึงราคาทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยขอความร่วมมือผู้ผลิตอาหารสัตว์ให้ตรึงราคาขายด้วย

นายบุณยฤทธิ์กล่าวต่อถึงการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (วอร์รูม) ว่า วอร์รูมมอบหมายให้ติดตามราคาสินค้าใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรสำคัญ รวมถึงติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปรับขึ้นหรือลงของราคาสินค้า เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม

โดยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หมูเนื้อแดงไม่ตัดแต่งในห้างค้าปลีกค้าส่ง กิโลกรัม (กก.)ละ 164-170 บาท หรือเฉลี่ยทั่วประเทศ กก.ละ 175 บาท จากวันที่ 30 ม.ค.65 ราคาเฉลี่ย กก.ละ 187 บาท ส่วนเนื้อไก่ราคาทรงตัว โดยในห้าง เนื้อน่องติดสะโพก กก.ละ 65 บาท ตลาดสดกก.ละ 70-75 บาท สำหรับราคาน้ำมันปาล์มขวดมีแนวโน้มลดลง แต่จะยังอยู่ระดับสูงต่ออีก 2 สัปดาห์ โดยราคาร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวด (ลิตร) ละ 64-65 บาทและในห้างขวดละ 61-62 บาท

ส่วนผลการตรวจสอบสต๊อกของห้องเย็นและโรงเชือดทั้งสิ้น 616 ราย มีเนื้อหมูรวม 19.5 ล้าน กก. พบกระทำผิด ไม่แจ้งปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด และทำห้องเย็นฝากเก็บสินค้าโดยไม่ขออนุญาต รวม 12 ราย ได้ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย ส่วนที่เหลืออีก 9 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดีและส่งฟ้อง ขณะที่เรื่องกักตุนสินค้ายังไม่พบผิด แต่มีบางรายอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่ม ถ้าชี้แจงไม่ได้ เข้าข่ายกักตุนและมีความผิดตามกฎหมาย

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยกระทรวงพลังงานได้ใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยเหลือ โดยการอุดหนุนราคาขายให้อยู่ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) (ไม่รวมค่าขนส่งและค่าบริการของแต่ละร้านค้า) ตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 ซึ่งหากไม่มีการช่วยเหลือ ณ ปัจจุบัน ราคาขายที่แท้จริงจะสูงถึง 434 บาทต่อถัง 15 กก.

สำหรับสถานะเงินกองทุนน้ำมันที่เป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปอุดหนุนราคา เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชน อยู่ในภาวะติดลบค่อนข้างมาก ทำให้มีแนวโน้มว่าต้องมีการปรับขึ้นราคา ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ยืนยันว่า หากจำเป็นต้องขึ้นราคา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ก็ต้องปรับขึ้นราคา แต่ก็จะต้องพิจารณาถึงบริบทแวดล้อม ด้านค่าครองชีพในขณะนั้นเป็นสำคัญ เพราะหากมีสถานการณ์ที่ภาพรวมราคาสินค้าและบริการในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ก็จะพิจารณาความเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ ช่วงต้นปีที่ 2565 คณะกรรมการบริหารพลังงาน (กบง.) ก็ได้มีมติขยายการตรึงราคาที่ 318 บาทจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.2565 ไปเป็นวันที่ 31 มี.ค.2565 นี้ รวมทั้งได้ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร โดยให้ส่วนลดค่าแอลพีจีผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถึง 31 มี.ค.2565.