พาณิชย์เกาะติดราคาเอทีเค หลังโควิดระบาดรุนแรงขึ้นดันความต้องการเพิ่ม ย้ำราคายังเคลื่อนไหวปกติ มีแค่ช่วงปลายปีต่อต้นปีที่บางยี่ห้อขยับราคา เพราะของมีน้อย แต่ล่าสุดราคาลงแล้ว ยันเอทีเคเป็นสินค้าควบคุม ขณะที่ภาวะราคาสินค้าเกษตรเดือน ม.ค. แพงต่อเนื่อง หมู กุ้ง วัว ฉลองปีใหม่
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการติดตามราคาและสถาน การณ์การจำหน่ายชุดตรวจโควิดแบบหาแอนติเจนด้วยตนเอง (เอทีเค) พบว่า ในช่วงปลายปีต่อต้นปี บางยี่ห้อราคาสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะความต้องการใช้ที่สูงขึ้นและสินค้าอยู่ระหว่างการสั่งซื้อและจัดส่ง ทำให้สินค้ามีน้อย แต่ขณะนี้ราคาลดลงมาอยู่ในระดับปกติแล้ว โดยทางออนไลน์ ราคามีตั้งแต่ชุดละ 38 บาท 45 บาท 73 บาท หรือกว่า 100 บาท ส่วนร้านขายยา ราคาหลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ชุดละ 40 บาท 95 บาท หรือกว่า 100 บาท คาดว่าราคาจะทรงตัวในระดับนี้ หรืออาจจะลดลงได้อีก หากมีการนำเข้ามาขายในตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังถือว่าชุดตรวจเอทีเคเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และยังใช้มาตรการแจ้งข้อมูลและจัดทำบัญชีคุมสินค้าชุดตรวจเอทีเค โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้า ต้องแจ้งข้อมูลสินค้าต่อกรมการค้าภายใน เพื่อให้กรมสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของราคา ปริมาณ และป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค หากไม่มีแจ้งจะมีความผิดตามกฎหมาย และหากขายราคาสูงเกินสมควร หรือค้ากำไรเกินควร จะมีความผิดตามมาตรา 29 ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วย
ขณะที่นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังนายก รัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาและสถานการณ์เอทีเค เพราะมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องอยู่แล้ว หากประชาชนพบเห็นผู้ค้ารายใดค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ
ด้านนายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือน ม.ค.65 พบว่า ความต้องการสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่และมาตรการของภาครัฐ ทำให้ในเดือน ม.ค.65 ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ ยางพาราแผ่นดิบ สุกร กุ้งขาวแวนนาไม และโคเนื้อ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาปรับลดลง
ส่วนสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ สุกร ราคาอยู่ที่ กก. 77.56- 81.29 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.45-6.31% เนื่องจากความต้องการเนื้อสุกรของร้านอาหารและผู้บริโภคเพื่อใช้บริโภคในช่วงปีใหม่เพิ่ม ขณะท่ีผลผลิตสุกรมีแนวโน้มลดลงจากการที่ผู้เลี้ยงสุกรจะชะลอการผลิตเพราะต้นทุนการผลิตที่สูง กุ้งขาวแวนนาไม กก.163.73-164.39 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.45-0.85% เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมออกสู่ตลาดน้อย เพียง 5.82% ของผลผลิตทั้งปี ส่วนความต้องการบริโภคกุ้งเพิ่มจากการบริโภค และการท่องเที่ยว
ด้านโคเนื้อราคาอยู่ที่ กก.98-101 บาท เพิ่มขึ้น 0.29-3.36% เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวบริการและร้านอาหารเปิดบริการได้ช่วงปีใหม่ รวมถึงการทยอยส่งโคไปจีนตามคำสั่งซื้อกว่า 5 แสนตัว ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ตันละ 9,966- 10,075 บาท เพิ่มขึ้น 1.17-2.27% เนื่องจากฮ่องกงต้องการใช้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว 8,160-8,460 บาท เพิ่มขึ้น 1.18-4.90% หลังผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กก.9.08-9.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.85-1.73% หลังสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก กก.14.05-14.38 บาท เพิ่ม 1.87-4.25% ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 54.95 -55.90 บาทต่อ กก. เพิ่มขึ้น 3.46-5.25%
สำหรับสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ ตันละ 7,644-7,701 บาท ลดลง 0.70-1.43% เนื่องจากการแข่งขันราคาข้าวยังคงรุนแรง มันสำปะหลัง กก.2.20-2.26 บาท ลดลง 0.88-3.51% เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ปาล์มน้ำมัน กก. 8.10-8.40 บาท ลดลง 3.22-6.60% นอกจากนี้ ยังคงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงงานสกัดตรึงราคาน้ำมันปาล์มดิบจากการที่ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวขึ้น รวมถึงความกังวลโควิดระลอกใหม่ทำให้ความต้องการ ใช้น้ำมันในการเดินทางลดลง.