เซ็นทรัลทุ่มซื้อห้างเซลฟริดเจส สยายปีกสู่ธุรกิจห้างลักชัวรีออมนิแชนแนลโลก

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เซ็นทรัลทุ่มซื้อห้างเซลฟริดเจส สยายปีกสู่ธุรกิจห้างลักชัวรีออมนิแชนแนลโลก

Date Time: 25 ธ.ค. 2564 06:15 น.

Summary

  • กลุ่มเซ็นทรัลปิดดีลประวัติศาสตร์ผนึกซิกน่าซื้อกิจการห้างเซลฟริดเจส 18 สาขาในยุโรป มูลค่า 4 พันล้านยูโร โดยมีสาขาบนถนนออกซ์ฟอร์ดกลางกรุงลอนดอนเป็นสาขาแฟล็กชิป

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

กลุ่มเซ็นทรัลปิดดีลประวัติศาสตร์ผนึกซิกน่าซื้อกิจการห้างเซลฟริดเจส 18 สาขาในยุโรป มูลค่า 4 พันล้านยูโร โดยมีสาขาบนถนนออกซ์ฟอร์ดกลางกรุงลอนดอนเป็นสาขาแฟล็กชิป ผงาดสู่ธุรกิจห้างลักชัวรี ในรูปแบบออมนิแชนแนลระดับโลก กับห้างสรรพสินค้า 8 ประเทศใน 35 เมืองสำคัญของยุโรป

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับซิกน่า หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ของยุโรป ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส จากตระกูลเวสตัน ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าในประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ รวม 18 แห่ง อสังหาริมทรัพย์ 7 แห่ง และดิจิทัลแพลตฟอร์มทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดีลนี้ทางกลุ่มเซ็นทรัลไม่ได้เปิดเผยตัวเลขการซื้อขาย แต่มีรายงานว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงหรือต่ำกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.8 แสนล้านบาทไม่มาก

นายทศ กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ จะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรีในรูปแบบออมนิแชนแนลระดับโลก โดยห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 18 แห่ง อาทิ ห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส บนถนนออกซ์ฟอร์ด ในกรุงลอนดอน, แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิงแฮม อังกฤษ, ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ เนเธอร์แลนด์, ห้างสรรพสินค้า บราวน์ โทมัส และอาร์นอตส์ ไอร์แลนด์ โดยการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนทั้งในธุรกิจห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ และกิจการด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมดอีกด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มเซลฟริดเจสจะเข้ามาเสริมทัพห้างสรรพสินค้าหรูในประเทศท่องเที่ยวชั้นนำ ที่กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าดำเนินธุรกิจอยู่ เช่น รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี, อิลลุม เดนมาร์ก, โกลบุส สวิตเซอร์แลนด์, กลุ่มคาเดเว เยอรมนี และออสเตรีย หลังจากการรวมธุรกิจใหม่นี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งหมด 5,000 ล้านยูโร หรือราว 1.9 แสนล้านบาท ในปี 2019 และคาดว่าจะเติบโตถึง 7,000 ล้านยูโรในปี 2024 หรือราว 2.66 แสนล้านบาท จาก 8 ประเทศ และ 35 เมืองสำคัญในยุโรป
โดยการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการร่วมทุนในสัดส่วน 50/50 ระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลกับซิกน่า โดยในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลนั้น บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) มีสิทธิพิจารณาเข้าลงทุนในส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคณะผู้บริหารและกรรมการบริษัท CRC จะพิจารณาความเหมาะสมและผลตอบแทนการลงทุนอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ อย่างไรก็ดี กลุ่มเซ็นทรัลมีความพร้อมที่จะเดินหน้าในการลงทุนทั้งหมด

นายทศ กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจสครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงที่ดินและอาคารห้างเซลฟริดเจสบนถนนออกซ์ฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางบนถนนช็อปปิ้ง กรุงลอนดอนมากว่า 100 ปี ด้วยความที่กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าเป็นธุรกิจครอบครัว เราจึงมุ่งการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและแตกต่าง ทั้งภายในห้างและช่องทางดิจิทัลต่างๆ สำหรับลูกค้าทั้งที่อยู่ในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มเซลฟริดเจส ในอีก 100 ปีข้างหน้า โดยพร้อมทำงานกับผู้บริหารและเพื่อนพนักงานของกลุ่มเซลฟริดเจส เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทรีเทลชั้นนำระดับโลก

นายดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์, ประธานและคณะกรรมการบริหารของกลุ่มซิกน่า กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสครั้งนี้ เราได้วางแผนที่จะทำงานกับนักออกแบบชั้นนำของโลกในการปรับโฉมของห้าง โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิม

ด้านนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทได้รับแจ้งจากห้างเซ็นทรัล ดีพาร์ตเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CRC ถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้าใน Selfridges Group ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อตกลงที่ HCDS ให้ไว้ใน Flagship Udertaking Letter ระหว่าง CRC กับ HCDS ที่ได้เปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นสามัญเป็นครั้งแรกของบริษัท โดยบริษัทมีสิทธิเข้าลงทุนใน Selfridges Group ได้ก่อนวันที่การเข้าลงทุนดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ หรือหากบริษัทตัดสินใจไม่เข้าลงทุนในครั้งนี้ และ HCDS ได้เข้าลงทุนใน Selfridges Group บริษัทยังคงสามารถเข้าซื้อธุรกิจต่อจาก HCDS ได้ภายใน 90 วันนับจากวันที่ HCDS เข้าลงทุนเสร็จสมบูรณ์ในราคาตามที่ตกลงกันใน Flagship Udertaking Letter

ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาความเหมาะสมและผลตอบแทนการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทว่าจะเข้าลงทุนในธุรกิจห้างสรรพสินค้า Selfridges Group ที่ไม่รวมส่วนของอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ หากบริษัทตัดสินใจที่จะเข้าลงทุนจะดำเนินการตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ