ส่งออก พ.ย.64 ทะยาน 24.7% มูลค่าทะลุ 2.3 แสนล้านเหรียญฯ ดันยอดรวม 11 เดือนพุ่ง 16.4% เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แค่ 4% หลังบริโภคทั่วโลกฟื้น เงินบาทอ่อน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่ม และพาณิชย์จับมือเอกชนแก้ปัญหาส่งออก ส่วนปี 65 สารพัดปัจจัยเสี่ยงยังตามหลอน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือน พ.ย.64 การส่งออกไทยมีมูลค่า 23,647.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24.7% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.63 เมื่อคิดเป็นเงินบาท อยู่ที่ 783,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% การนำเข้า มีมูลค่า 22,629.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 20.5% คิดเป็นเงินบาทอยู่ที่ 759,679.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% มีดุลการค้าเกินดุล 1,018.7 ล้านเหรียญฯ หรือ 23,745.2 ล้านบาท ส่วนในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 64 การส่งออก มีมูลค่า 246,243.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 16.4% คิดเป็นบาทอยู่ที่ 7.731 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% การนำเข้า 242,315.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 29.4% คิดเป็นเงินบาท อยู่ที่ 7.715 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% มีดุลการค้าเกินดุล 3,927.3 ล้านเหรียญฯ หรือ 15,545.9 ล้านบาท
“ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกเดือน พ.ย.64 เพิ่มขึ้นถึง 24.7% มาจาก การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในทุกรูปแบบร่วมกับภาคเอกชน, การบริโภคฟื้นตัวในหลายประเทศ, การขยายตัวของภาคการผลิตทั่วโลกรวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสินค้าเกษตร น้ำมันดิบ โลหะ มั่นใจว่า ทั้งปี 64 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 4% เท่านั้น”
สำหรับเดือน พ.ย.ที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า ทั้งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 14.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 21.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ขณะที่หมวดสินค้าอุตสาหกรรม 23.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ส่วนตลาดส่งออก ที่ขยายตัวสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ เอเชียใต้ 66%, อาเซียน 55.1%, ตะวันออกกลาง 40.7%, เกาหลีใต้ 30.6%, สหภาพยุโรป 30.2%, รัสเซีย และกลุ่มประเทศซีไอเอส 27.3%, จีน 24.3%, ไต้หวัน 24.2%, สหรัฐฯ 20.5% และทวีปแอฟริกา 18.4%
ด้านนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ทั้งปี 64 มูลค่าการส่งออกของไทยจะได้ไม่ต่ำกว่า 268,000 ล้านล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 14-15% จากปี 63 สูงสุดในรอบ 12 ปี นับจากปี 53 คิดเป็นเงินบาทที่ประมาณ 8 ล้านล้านบาท ส่วนปี 65 มูลค่าจะไม่ต่ำกว่าปีนี้ แต่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยง ทั้งการระบาดของโอมิครอน ที่ยังไม่รู้จะรุนแรงเพียงใด ค่าระวางเรือที่ยังอยู่ในระดับสูง การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ที่กระทบต่อการผลิตสินค้าหลายชนิด มาตรการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ที่หลายประเทศนำออกมาใช้มากขึ้น
ส่วนนายประคัลร์ กอดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเฉลี่ยติดเชื้อราววันละ 100,000 คน ซึ่งรัฐบาลอังกฤษกำลังหนักใจว่าจะต้องใช้มาตรการดูแลอย่างเข้มข้นหรือไม่ เพราะใกล้เทศกาลคริสต์มาส และประชาชนกำลังจับจ่ายซื้อของกัน ต้องติดตามว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้รัฐบาลจะประกาศมาตรการที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ เช่น การล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกับการค้าแน่นอน.