นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)กล่าวว่า สำนักงาน กสทช.รับทราบข้อมูลจากทรูและดีแทคที่เข้ามาชี้แจงว่า จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่โดยการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัท โดยเห็นว่าเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ โดยทรูและดีแทคให้ข้อมูลว่าจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการให้ทราบเป็นระยะๆ ในระหว่างนี้ยังบริหารงานที่แยกออกจากกันตามปกติ “ทางสำนักงานจะให้แจงเหตุผลความจำเป็นในการควบรวมกิจการผลกระทบ และแนวทางเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดกับลูกค้าด้วย”
ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เขียนรายงานเพื่อเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนระบุกรณีดังกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าทั้ง 2 บริษัทประกอบกิจการและจะรวมกิจการอะไรบ้าง ในส่วนกิจการโทรคมนาคมนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ที่กำกับดูแล คือประกาศเรื่องมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 (ประกาศแข่งขัน) และประกาศเรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม (ประกาศรวมธุรกิจ)
อย่างไรก็ตาม หากมีความกังวลเรื่องความไม่ชัดเจนว่า กสทช.จะมีอำนาจกำกับดูแลการควบรวมกิจการในครั้งนี้หรือไม่ เนื่องจากทรูและดีแทคไม่ใช่บริษัทใต้ใบอนุญาตของ กสทช.แต่บริษัทเป็นบริษัทลูก เมื่อแนวคิดการรวมกิจการอยู่ในขั้นเจรจา กสทช.ย่อมมีเวลาที่จะปรับปรุงประกาศสอดคล้องกฎหมายเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ หากนิ่งเฉยปล่อยให้การรวมกิจการเกิดขึ้นแล้ว สังคมอาจเกิดความสงสัยว่าเจตนาการไม่ปรับปรุงประกาศคือเจตนาการอนุญาตอย่างเงียบๆหรือไม่.