นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน ส.ค.64 รัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 228,231 ล้านบาท คิดเป็น 93% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม โดยรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ ได้ปรับกลยุทธ์การเบิกจ่ายลงทุนและปรับวิธีการดำเนินงาน เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และผลกระทบจากการปิดแคมป์คนงาน
ได้แก่ การปรับแก้ไขสัญญาเรื่องค่าปรับที่ส่งผลกระทบต่อเอกชน การเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าตามสัญญาให้แก่เอกชน การปรับแผนเบิกจ่ายในส่วนงานจัดซื้อพัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักร เพื่อทดแทนงานก่อสร้างที่ไม่สามารถดำเนินการได้ การปรับรูปแบบการดำเนินงานจากการใช้แรงงานคนเป็นการใช้ระบบอุตสาหกรรม เพื่อให้ดำเนินงานต่อไปได้ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นช่วยให้รัฐวิสาหกิจมีผลการเบิกจ่ายลงทุนในระดับที่ดีและเป็นไปตามแผน ถือเป็นเครื่องมือช่วยพยุง และกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย
“ช่วงการแพร่ระบาดโควิด ส่งผลกระทบต่อบางโครงการ/ แผนงานเนื่องจากบุคลากรไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างหรือตรวจรับงานได้ ขาดแคลนแรงงานและไม่สามารถนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้ ซึ่งรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ได้ประสานหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขออนุญาตก่อสร้าง โดยมีมาตรการที่รัดกุมรองรับ การหาแรงงานและวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ทดแทนรวมทั้งเร่งรัดงานอื่นมาดำเนินการทดแทน”
สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายได้เป็นไปตามแผน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ส่วนโครงการที่เบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ของ รฟม.แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นต้น.