นายกฯลงนามตั้ง “พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์” เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการดำเนินการตามสัญญาดาวเทียมไทยคม ให้ตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่เริ่มสัญญาสัมปทาน 30 ปี ซึ่งจะหมดอายุวันที่ 10 ก.ย.นี้ พร้อมหาผู้ต้องรับผิดชอบเสียหายที่รัฐและประชาชนได้รับ ด้าน “ชัยวุฒิ” มั่นใจ NT รับช่วงต่อจากไทยคม ไร้รอยสะดุด เชื่อนายกฯตั้งคณะกรรมการเพื่อความโปร่งใส ไม่ได้เค้นหาความผิดเพิ่ม
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานกรรมการ นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการฯ มีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง ความเป็นมา และการดำเนินการต่างๆ ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ระหว่างกระทรวงคมนาคม และบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด รวมถึงนิติสัมพันธ์อื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาในสมัยรัฐบาลต่างๆ ตั้งแต่เริ่มแรกถึงปัจจุบัน การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เสนอมายัง ครม.ในเรื่องนี้ ตลอดจนให้คำแนะนำแก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในการเจรจาและดำเนินการเรื่องนี้ และดำเนินการตามมติ ครม.วันที่ 7 ก.ย.64 การหาผู้ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่รัฐและประชาชนได้รับ และการแก้ไขปัญหาภายหลังสัญญาสิ้นสุด โดยกำหนดกรอบการเจรจาระหว่างคู่สัญญาให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะเดียวกัน เมื่อ 9 ก.ย.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้ไปดูความพร้อมของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ณ สถานีดาวเทียมไทยคม นนทบุรี หลัง NT ต้องรับช่วงให้บริการดาวเทียมจาก บมจ.ไทยคม ซึ่งมีอายุสัมปทาน 30 ปี จะสิ้นสุดลงวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยนายชัยวุฒิกล่าวว่า NT มีความพร้อมให้บริการลูกค้า ส่วนจะจ้างไทยคมบริหารงานลูกค้าต่อหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุปและไม่ได้มีการพูดถึง แต่เชื่อว่าทั้ง NT และไทยคมจะหาข้อสรุปร่วมกันได้
นายชัยวุฒิกล่าวถึงมติ ครม.ที่ให้ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ต้องถือหุ้นในไทยคมไม่น้อยกว่า 51% จากปัจจุบันถือไม่น้อยกว่า 40% ว่า กระทรวงกำลังทำหนังสือแจ้งเป็นทางการไปยัง INTUCH ซึ่งต้องดำเนินการก่อนสัมปทานดาวเทียมไทยคมสิ้นสุดอายุ 10 ก.ย.นี้ ส่วนอินทัชจะดำเนินการอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของเอกชน อาจอ้างได้ว่าทำไม่ทันเพราะสัมปทานจะหมดอายุหรืออาจฟ้องร้องตอบต้องรอหนังสือตอบจากอินทัช ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด เชื่อว่าเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่คิดว่าจะเป็นการสืบสาวหาความผิดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ขณะที่ INTUCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทและ บมจ.ไทยคม เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การดำเนินการที่สำคัญใดๆต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ประกอบกับสัญญาสัมปทานกำลังจะสิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย.64 จึงต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการดำเนินการด้วย.