นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือบีทีเอส ผู้ฟ้องคดีในข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าการกระทำของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม.เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี และที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม.กระทำการหรือดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ตามพิพาทครั้งใหม่ โดยมีเหตุผลว่าการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ศาลปกครองไม่อาจมีคำสั่งกำหนดคำบังคับตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม.กระทำการหรืองดเว้นกระทำการที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงทำให้ รฟม.สามารถเปิดประกวดราคาสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มได้ใหม่
ส่วนประเด็นเรื่องความคืบหน้าการฟ้องคดีทั้งหมดเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) สรุปได้ว่า ปัจจุบันมีการฟ้องคดีรวมจำนวน 3 คดี แบ่งเป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง จำนวน 2 คดี ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 และคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 และเป็นคดี ที่อยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จำนวน 1 คดี คือ คดีหมายเลขดำที่ อท.30/2564
โดยคดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่จำหน่ายคดีในข้อหาที่ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์ร่วมลงทุนที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักเกณฑ์อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองอีกต่อไป ส่วนคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องข้อหาเกี่ยวกับการกระทำละเมิด โดยให้เหตุผลว่าการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. ตามกฎหมาย.