นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาว่า อยู่ที่ระดับ 78.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 80.7 เทียบกับเดือน มิ.ย. โดยค่าดัชนีฯปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 4 และต่ำที่สุดในรอบ 14 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2563 เพราะมีปัจจัยลบจากโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่ยังไม่คลี่คลายและ กระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด และขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พนักงานทำงานที่บ้าน ฯลฯ แต่ก็ไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้ ส่งผลต่อธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ขณะที่ประชาชนมีรายได้ลดลง และมีการติดเชื้อในโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง
“ภาคเอกชนยังคงกังวลต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย กำลังจัดทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะส่งหนังสือในสัปดาห์นี้ โดยรายละเอียดของการหารือจะเน้นการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้พบการแพร่ระบาดในโรงงานจำนวนมาก”
แนวทางการหารือ ประกอบด้วย 3-4 ข้อหลัก ได้แก่ 1.ขอให้ปลดล็อกการนำเข้าวัคซีน ให้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนชนิดอื่นๆที่องค์การอนามัยโลกขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และเปิดให้เอกชนนำเข้าเป็นวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น ให้เพียงพอกับการใช้งาน เนื่องจากขณะนี้เกิดคลัสเตอร์ในโรงงานจำนวนมาก 2.ขอให้ปลดล็อกการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ที่ใช้รักษาโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งการผลิตยาดังกล่าว ต้องผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่อนุมัติให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว เพราะควรเปิดให้ภาคเอกชนที่สามารถผลิตได้อยู่แล้วในขณะนี้ เข้ามาผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการขาดแคลน
3.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับเอกชน ในเรื่องของการจัดหาวัคซีนและอุปกรณ์ ป้องกันการดูแลการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะ Antigen Test Kit (ATK) ที่เป็นภาระรายจ่ายของภาคเอกชนในขณะนี้ ได้ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น และ ส.อ.ท.อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงมาตรการทางด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเยียวยาเอสเอ็มอี.