วันสุดท้าย ใช้สิทธิ์โครงการ "เราชนะ" ย้ำใครวงเงินเหลือ รีบใช้สิทธิ์ด่วน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

วันสุดท้าย ใช้สิทธิ์โครงการ "เราชนะ" ย้ำใครวงเงินเหลือ รีบใช้สิทธิ์ด่วน

Date Time: 30 มิ.ย. 2564 07:30 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • โครงการ "เราชนะ" จะสิ้นสุดในวันนี้ 30 มิ.ย. 2564 ย้ำประชาชนที่ยังมีวงเงินสิทธิ์คงเหลืออยู่ รีบใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้

Latest


โครงการ "เราชนะ" จะสิ้นสุดในวันนี้ 30 มิ.ย. 2564 ย้ำประชาชนที่ยังมีวงเงินสิทธิ์คงเหลืออยู่ รีบใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า โครงการ เราชนะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้วยการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินสิทธิ์คงเหลืออยู่ ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ ณ วันที่ 29 มิ.ย. 2564 มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์แล้ว รวมทั้งสิ้น 272,805 ล้านบาท สามารถแยกได้ ดังนี้

1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา จำนวน 101,206 ล้านบาท

2. ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 17.1 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา จำนวน 150,840 ล้านบาท

3. ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2564 เป็นต้นมา จำนวน 20,759 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 26.2 ล้านคน จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด 33.2 ล้านคน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์