นายนาวา จันทนสุรคน นายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และผู้ประสานงานกลุ่ม 7 สมาคมผู้ผลิตเหล็ก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้แทนกลุ่ม 7 สมาคมเหล็กได้ยื่นหนังสือเสนอแนวทางบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้าเหล็กถึงนายกรัฐมนตรี ภายใต้ข้อเสนอ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.สร้างความร่วมมือในห่วงโซ่การผลิต 2.กลุ่มผู้ผลิตในประเทศจะรายงานข้อมูลการผลิตให้รัฐบาล 3.สนับสนุนให้ภาครัฐปรับเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) 4.ขอให้ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล็กในประเทศ 5.เร่งนำเสนอและผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมเหล็ก 4.0
นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สินค้าวัสดุก่อสร้างที่ใช้สินค้าเหล็กเป็นวัตถุดิบ ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเหล็ก แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะเห็นได้ว่ามีการปรับราคาขึ้นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก และอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศยังมีส่วนช่วยชะลอการขึ้นราคาขายในประเทศ เนื่องจากราคาขายเป็นไปตามต้นทุนการผลิตที่สามารถจัดหาได้ ไม่ได้ปรับตามราคาซื้อขายตามราคาตลาดโลกทันที สำหรับการบรรเทาผลกระทบของผู้รับเหมาก่อสร้างงานภาครัฐ เชื่อว่าการปรับค่า K เป็นมาตรการเร่งด่วนที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ และในอนาคตเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเหล็ก ควรจะมีการสร้างความเชื่อมโยงและร่วมมือกันในการผลิตเหล็กแบบครบวงจร เหมือนผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ด้านนายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากรัฐและเอกชนร่วมมือกัน เชื่อว่าข้อเสนอทั้งหมดจะสามารถดำเนินการได้.