สนั่น อังอุบลกุล นั่งประธานกรรมการหอการค้าไทย คนที่ 25 ชูนโยบาย Connect the Dots ฟื้นเศรษฐกิจไทยใน 99 วัน จับมือภาครัฐเร่งฉีควัคซีนให้ประชาชน รับมือไทยเปิดประเทศ
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หอการค้าไทยได้จัดประชุมใหญ่สามัญสมาชิก ครั้งที่ 55 พร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ คนที่ 25 ต่อจากนายกลินท์ สารสิน
นายสนั่น กล่าวว่า คณะกรรมการชุดใหม่มีนโยบาย Connect the Dots โดยชูหอการค้าให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อมุ่งยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โดยยึดแนวทางที่หอการค้าไทยเคยดำเนินงานมา ซึ่งเราเล็งเห็นว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอีกมากรออยู่ ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมาย การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน 99 วันแรก เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น แก้ปัญหาระยะสั้น ทั้งการจ้างงานและปัญหาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ขณะเดียวกันก็ปูรากฐานไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ การที่จะเดินเกมการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัดนั้น ประเทศไทยต้องมีการจัดลำดับความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเราได้จัดประเด็นเร่งด่วนและสำคัญสำหรับดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 99 วันแรกของการทำงาน ดังนี้
1. เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ โดยภาคเอกชนพร้อม จับมือกันช่วยภาครัฐในเรื่องการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อป็นการกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ หอการค้าไทยมองว่า การฉีดวัคซีนให้ประชาชน และการเจรจากับประเทศต่างๆ รวมถึงการทำใบรับรองการฉีดวัคซีนซึ่ง เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการเปิดประเทศ โดยภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนรัฐบาลตามความเชี่ยวชาญของภาคเอกชน เช่น การหาวัคซีน การนำเข้าวัคซีน การวางแผนร่วมกันในการสำรวจความต้องการที่จะฉีดวัคซีนให้กับสมาชิกเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐ
โดยพร้อมที่จะสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ทั้งการขนส่ง การหาสถานที่ในการฉีด ตู้เย็นการจัดเก็บวัคซีน การช่วยประชาสัมพันธ์ จัดหาบุคคลกรให้เพียงพอ รวมถึงบริษัทที่มีความพร้อมก็มีการเสนอแนวทาง Buy 1 Give 1 ซึ่งเป็นการที่ฉีดวัคซีนให้พนักงานตัวเอง 1 Dose แล้วพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ฉีดแก่ประชาชน อีก 1 Dose เป็นต้น
2. เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับประเด็นนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ขยายความว่า การช่วยให้ธุรกิจ SME ลดต้นทุน และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหอการค้าไทยในช่วง 99 วันแรก
ดังนั้น หอการค้าไทยจึงให้การสนับสนุนโครงการใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องและช่องทางการค้าขายให้กับ SME โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่จะทำหน้าที่ช่วยคัดกรอง และให้ข้อมูลลูกค้า SME ที่เป็นผู้เช่าพื้นที่ รวมถึงเป็นซัพพลายเออร์ กับธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้การพิจารณาเครดิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มการเข้าถึงสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีเหล่านั้นที่มีหลายแสนรายทั่วประเทศ บนความคาดหวังว่าจะช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของไวรัสโควิดเหล่านี้ สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ซับซ้อนไปด้วยกัน
ด้าน ญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย กล่าวว่า การกระตุ้นให้ใช้สินค้าไทยและการท่องเที่ยวในกลุ่มคนไทยและต่างชาติเป็นสิ่งที่จำเป็น และหอการค้าไทยมีแผนเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SME ไทย กระตุ้นให้มีการใช้สินค้าไทย ผ่านโครงการ ฮักไทย หรือ Hug Thais
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ใช้ของไทย กินของไทย และเที่ยวเมืองไทย โดยหอการค้าไทยขานรับแผนเปิดภูเก็ตของรัฐบาลในวันที่ 1 ก.ค.64 ซึ่งโครงการ Hug Thais Hug Phuket จะเป็นต้นแบบให้นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจต่างชาติมาเที่ยวและทำงานในจังหวัดภูเก็ต โดยเสนอให้อยู่ในภูเก็ตแบบ Long Stay และ Work from Phuket
โดยจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากร้านค้า และบริการต่างๆ เพียงแสดง Vaccine Passport นอกจากนั้นยังเน้นที่จะสนับสนุนให้ภาครัฐ และบริษัทเอกชนต่างๆ ใช้สินค้าฮักไทย และเสนอภาครัฐให้รวมสินค้าฮักไทยเข้าในระบบจัดซื้อจัดจ้าง
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยจะเสนอให้ภาครัฐสร้างความมั่นใจให้เกิดการใช้จ่ายด้วยแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง โดยยกระดับโครงการช้อปดีมีคืน ให้เป็นยิ่งใช้ยิ่งได้คืน โดยให้ลดหย่อนภาษีได้ถึง 100,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท
พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรฐานการค้าที่เป็นธรรมเกิดการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการพัฒนาภาคการค้าและบริการ โดยเฉพาะทางด้าน Ecommerce เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทย
3. แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก หรือ Ease of Doing Business เพื่อช่วยให้ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก จากการที่หอการค้าไทยได้มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาลนั้น เช่น สภาพัฒน์ สสว. และกระทรวงต่างๆ โดยได้มีการจัดลำดับทั้งโครงการและกฎหมายที่จะแก้ไขเร่งด่วนแล้ว เพื่อให้ประเทศไทยได้มีการปรับโครงสร้างเพื่อการเติบโตในอนาคต
ด้านปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เป้าหมายจะกฎหมายที่ของหอการค้าฯที่เสนอให้ปรับปรุงภายใน 99 วันคือ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ของคนเข้าเมืองโดยเฉพาะแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือ การทบทวนการลดหรือเลิกขอใบอนุญาต
รวมถึงการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการที่มีความซ้ำซ้อนในหลายใบอนุญาต รวมถึงปรับปรุงและพัฒนากฎหมายในลักษณะของกลุ่มธุรกิจ เช่น การท่องเที่ยว หรือ MICE โดยหอการค้าฯจะ Connect หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชนทำงานเป็นทีม เพื่อเชื่อมให้ประเทศไทยพร้อมจะก้าวไปสู่อนาคตได้ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย