นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงกับคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ที่มีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ว่า ททท.ได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกันให้รัดกุมแล้ว เชื่อไม่มีปัญหาการทุจริตอีก หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ให้ทบทวนวิธีการปฏิบัติให้รัดกุม เพื่อป้องกันการทุจริตเช่นที่ผ่านมา จึงขอให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ได้ต่อไป คาดว่าจะนำเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 23 มี.ค.นี้ พร้อมกับโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่เดิมเป็นโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า แต่ได้นำมาปรับใหม่เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการ เริ่มตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่เป็นการเที่ยวแบบผ่านบริษัททัวร์ โดยรัฐร่วมจ่ายเงินให้ด้วย
“แม้ ครม.จะอนุมัติเพิ่มการจองห้องพักอีก 2 ล้านห้อง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 แต่ไม่น่าเปิดดำเนินการให้ใช้สิทธิได้ทัน ช่วงวันหยุดสงกรานต์ แต่ยังเหลือกลุ่มที่จองในเฟส 2 ไว้ยังไม่ใช้สิทธิจำนวนมาก จึงให้ใช้เราเที่ยวด้วยกันเฟส 2 ไปก่อน”
นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินงานโครงการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าทำการตลาด เพื่อนำคนต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น ได้เร่งให้ดำเนินการนำสมาชิกเข้ามาในไทยให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว แต่หลังจากมีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาครส่งผลให้สมาชิกชาวต่างชาติที่สมัครใหม่จำนวนมาก ชะลอการเดินทาง และเมื่อมีการระบาดในคลัสเตอร์ใหม่ ที่ตลาดบางแค ก็ส่งผลต่อการเดินทางของสมาชิกอีลิท และชาวต่างชาติจำนวนมาก ก็รอการฉีดวัคซีนในครบ 2 โดสเพื่อความมั่นใจในการเดินทาง
“โครงการอีลีทเฟล็กซิเบิลพลัสที่เตรียมขายสมาชิกที่สนใจนำเงินมาลงทุนในไทย 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 30 ล้านบาท ตั้งเป้าขาย 1,000 ใบ หรือ 30,000 ล้านบาท ยังรอเสนอ ครม.ก็คาดว่าเร็วๆนี้จะดำเนินการได้”.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง