รมว.คมนาคม สั่งเร่งเอาระบบตั๋วร่วมมาใช้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว-น้ำเงิน-ม่วง” ก่อนอำนวยความสะดวกประชาชน ส่วนบัตร EMV คาด “ม่วง-น้ำเงิน” ใช้ได้ก่อน ต.ค. 64 พร้อมใช้ได้อย่างเต็มรูปใน ม.ค. 65
วันที่ 29 ม.ค. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะสั้น ให้เร่งจัดทำระบบให้บัตรโดยสารที่ประชาชนมีอยู่ในปัจจุบัน สามารถใช้บัตรข้ามระบบได้ ซึ่งเมื่อสามารถใช้บัตรข้ามระบบระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนและส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางข้ามระบบสูงขึ้น
ระยะยาว มีการจัดทำระบบตั๋วร่วมแบบ Account Based Ticketing (ABT) โดยใช้บัตร EMV Contacless (Europay Mastercard and Visa) มาใช้กับระบบตั๋วร่วม โดย รฟม.มีความพร้อมที่จะร่วมมือกับสถาบันการเงินที่มีระบบ EMV ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารกรุงไทย ที่แจ้งว่ามีความพร้อมที่จะลงทุนในระบบ EMV ทั้งหมดเพื่อให้ผู้ประกอบการมาใช้บริการของธนาคารกรุงไทย สำหรับสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน โดยในเดือน ต.ค. 2564 จะใช้ได้ประมาณ 50% และจะใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบภายในเดือน ม.ค. 2565
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติม ดังนี้
1. คณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมองค์กร ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีการออกตั๋วร่วม มาตรฐานเทคโนโลยีระบบงาน มาตรฐานโครงสร้างข้อมูล มาตรฐานความปลอดภัยทางเทคโนโลยี และมาตรฐานการดำเนินงานของระบบงาน
2. คณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานอัตราค่าโดยสารและจัดสรรรายได้ ทำหน้าที่ กำหนดมาตรฐานการจัดเก็บค่าธรรมเนียม มาตรฐานการจัดสรรรายได้ มาตรฐานอัตราค่าโดยสารในกรณีใช้อัตรา ค่าโดยสารร่วม และกรอบมาตรฐานค่าธรรมเนียมการชำระเงิน และการเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการ
นอกจากนี้ นายศักดิ์สยาม ยังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา และบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมบูรณาการความร่วมมือและความต้องการของประชาชน ให้สามารถขับเคลื่อนระบบตั๋วร่วมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดและการพัฒนาระบบการคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง ตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้ง มอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาถึงความซ้ำซ้อนของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระบบตั๋วร่วมทั้งหมดที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยให้พิจารณาถึงการเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์เข้ามาร่วมพัฒนาระบบตั๋วร่วมได้ รวมถึงการพัฒนาระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติในรูปแบบ M-Flow ตลอดจนดำเนินการกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะ ให้แล้วเสร็จเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ในการประชุมครั้งต่อไป ภายในเดือน ก.พ. 2564