เมื่อวานนี้ผมนำบทวิเคราะห์ของ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก มาเล่าสู่กันฟัง เขาวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ที่สุดในเอเชีย โดยมีตัวเลขจีดีพีคาดการณ์มายืนยัน วันนี้ได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจฝ่ายไทยเองแล้ว ก็ต้องบอกว่า อาการน่าเป็นห่วงมากๆ ผมขอเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินสายพบสื่อว่า รัฐบาลต้องมองภาพปัญหาเศรษฐกิจไทยใหม่ และแก้ปัญหาให้ตรงจุด เลิกการแก้ปัญหาแบบเหวี่ยงแหด้วยการ แจกเงินสะเปะสะปะ เงินหายแต่เศรษฐกิจไม่ฟื้น แถมทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ
ไม่เชื่อวันหยุดเสาร์อาทิตย์ นายกฯ ลองเปลี่ยนจากสนามกอล์ฟไปเดินในห้าง จะเห็นความเงียบเหงาจนขนลุก โดยเฉพาะห้างที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ผมใช้ข้อมูลของ บลูมเบิร์ก ที่คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยปี 2563 นี้จะลดเหลือ 8 ล้านคน จาก 39.8 ล้านคนในปีที่แล้ว โดยคาดการณ์บนเงื่อนไข ไทยเปิดน่านฟ้ารับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในครึ่งปีหลัง แต่เดือนกรกฎาคมนี้ชัดเจนแล้วว่า เรายังปิดน่านฟ้าต่อไปจนถึง 31 กรกฎาคม เดือนสิงหาคมค่อยว่ากันใหม่ เท่ากับว่าปีนี้เราเหลือเวลารับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกเพียง 5 เดือนเท่านั้น
วันวาน คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ออกมาให้ตัวเลขว่า ททท.ได้มีการประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เริ่มผ่อนคลายอนุญาตให้ชาวต่างประเทศเดินทางเข้าไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยได้ประมาณ 8.2 ล้านคน (ใกล้เคียงกับบลูมเบิร์กที่ระบุว่ามี 8 ล้านคน) ลดลง 80% เมื่อเทียบกับปีก่อน ครึ่งปีหลังจะมีต่างชาติเดินทางมาไทย 1.5 ล้านคน โดย ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) มีนักท่องเที่ยว ต่างชาติเดินทางมาทั้งสิ้น 6.7 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 7.28 แสนล้านบาท ลดลง 40% จากปีก่อน
การส่งออกที่มีสัดส่วน 70% ของจีดีพี คุณกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ก็ออกมาแถลงถึงตัวเลข การส่งออกในปี 2563 คาดว่าจะติดลบถึง 10% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความกังวลกับการระบาดรอบสองในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 คนต่อวัน และปัญหาโลจิสติกส์ปลายทางจากการล็อกดาวน์ของแต่ละประเทศ การส่งออกในเดือนพฤษภาคมที่ติดลบไป 22.5% เป็นการติดลบที่รุนแรงมาก ติดลบมากที่สุดในรอบ 130 เดือน (10 ปี 8 เดือน) นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2532 และการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีแนวโน้มติดลบทุกเดือน
แม้จะส่งออกได้ก็ยังมี “ความเสี่ยงใหม่” ผู้สั่งซื้อสินค้าเบี้ยวหนี้ เพราะไม่มีเงินชำระค่าสินค้า บางประเทศมีการออกกฎช่วยผู้ประกอบการในประเทศของตน ซ้ำเติมผู้ส่งออกไทยทำให้เกิดการขาดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นไปอีก
ฟังแล้วหนาวไหมครับท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อสินค้าที่ผลิตส่งออกไม่ได้ โรงงานต่างๆก็ต้องหยุดการผลิต ต้องเลิกจ้างคนงาน ทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้น จะว่างงานสูงถึง 8 ล้านคนอย่างที่ธนาคารโลกคาดไว้หรือไม่ ผมยังไม่มีข้อมูล แต่มีคนตกงานเพิ่มขึ้นแน่นอน ทำให้ปัญหาสังคมเพิ่มขึ้นตามมาเป็นวงจร
วันอังคาร ครม.เพิ่งอนุมัติเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจก้อนแรก 1 แสนล้านบาท จากเงินกู้ 4 แสนล้านบาท เน้นการเกษตร แหล่งนํ้า และสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน นายกฯแถลงว่า “สถานการณ์ช่วงนี้ผมถือว่าเป็นช่วงลำบาก รัฐบาลก็ลำบากในการบริหาร ประชาชนก็ลำบากในการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ รัฐบาล ครม. พวกเราให้ความสำคัญเต็มที่ ขอเวลาให้เราบ้างในการทำงาน” ฟังแล้วก็งงๆ มาขอเวลาอีกแล้ว
ตอนแรกที่ปฏิวัติก็บอกว่า ขอเวลาอีกไม่นาน จะคืนความสุขให้ประชาชน วันนี้ผ่านไป 6 ปีกว่าแล้ว นอกจากประชาชนจะไม่ได้ความสุขคืนแล้ว ยังทุกข์หนักขึ้นกว่าเดิมอีก.
“ลม เปลี่ยนทิศ”