นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 1/63 ว่า การประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ระยะ 5 ปี หรือปี 63-67 เบื้องต้นจะใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวให้ชัดเจน โดยจะใช้การตลาดกำหนดการผลิตข้าวไทยในช่วง 5 ปีจากนี้ มีเป้าหมายสำคัญคือ จะทำให้ไทยเป็นผู้นำทางด้านการผลิต การส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก
ทั้งนี้ จะมุ่งผลิตข้าว 7 ชนิด เพื่อสนองความต้องการของตลาด คือ ข้าวหอมมะลิ, ข้าวหอมไทย, ข้าวพื้นนุ่ม, ข้าวพื้นแข็ง, ข้าวนึ่ง, ข้าวเหนียว และข้าวคุณภาพพิเศษที่มีตลาดเฉพาะ ส่วนตลาดข้าวไทย แบ่งเป็น 3 ตลาดคือ ตลาดพรีเมียม ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย, ตลาดทั่วไป จะมีข้าวพื้นนุ่ม พื้นแข็ง ข้าวนึ่ง และตลาดเฉพาะ มีข้าวเหนียว และข้าวคุณภาพพิเศษนอกจากนี้ ยังต้องมุ่งเน้นการวิจัย พัฒนา ปรับปรุง และสร้างพันธุ์ข้าวใหม่ๆ สนองต่อความต้องการของตลาด และแข่งขันในโลกได้ “ยุทธศาสตร์ข้าวไทยต้องหารืออีก 2-3 ครั้ง เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดจะเกี่ยวกับข้าวตั้งแต่ปริมาณการผลิต จัดพื้นที่เพาะปลูก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน พัฒนาเมล็ดพันธุ์ รักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งการประกันรายได้เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ แต่ในยุทธศาสตร์ข้าวจะมีมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งเป็นมาตรการคู่ขนาน ที่จะดำเนินการร่วมกับนโยบายใหญ่ของรัฐบาล”
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งพัฒนาและแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวพื้นนุ่ม ไม่เช่นนั้น การที่ไทยเคยส่งออกข้าวปริมาณมากสุดของโลก จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ เพราะคู่แข่งแย่งตลาดข้าวไปหมด รวมถึงส่งเสริมข้าวพันธุ์ต่างๆที่หลากหลาย เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลกรัม (กก.) ต่อไร่.