นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมมือตรวจสอบการขายสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือในเว็บไซต์ทั่วไปเพราะปัจจุบันมีผู้ลักลอบนำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาวางขายล่อใจผู้ซื้อจำนวนมาก
แม้ว่าภาครัฐพยายามตรวจสอบแล้วแต่ก็ยังไม่หมด จึงขอให้เข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น สคบ.มีเจ้าหน้าที่จำนวนน้อย การทำงานก็มีข้อจำกัด แต่ก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบในการเข้าไปดูแลผู้บริโภคที่อาจถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงขอเตือนประชาชนที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ว่า ขณะนี้ได้ให้สคบ.มอบตราสัญลักษณ์กับผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ที่มาจดทะเบียนกับ สคบ.แล้ว เพื่อให้ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามีความมั่นใจว่าจะได้รับการบริการที่ดีไม่ถูกหลอกลวง
“ผู้บริโภคที่พบเห็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการต่างๆ ผ่านออนไลน์แล้วคิดว่า มีความเสี่ยงถูกหลอกลวงให้แจ้งยัง สคบ.ผ่านสายด่วน 1166 ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าออนไลน์มาเป็นจำนวนมาก โดยปีนี้มีผู้ร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามานับ 1,000 ราย”
ขณะเดียวกัน ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 สคบ.ก็ได้รับการแจ้งข้อมูลเบาะแสจากผู้บริโภคขอให้ช่วยตรวจสอบสินค้าหลายชนิด ที่ขายผ่านออนไลน์ เช่น หน้ากากอนามัยชนิดต่างๆ ซึ่งผู้บริโภคพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีคุณภาพ ไม่มีฉลาก รวมทั้งผ้าเช็ดทำความสะอาด ในลักษณะเหมือนกับผ้าเปียก ที่ผู้ขายอ้างว่ามีการผสมแอลกอฮอล์ 75% สามารถนำไปเช็ดมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ แต่จากการตรวจสอบไม่พบฉลากภาษาไทย มีเพียงฉลากเป็นภาษาต่างประเทศ และไม่ได้ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง ซึ่ง สคบ.จะตรวจสอบข้อมูล หากพบว่า ไม่มีคุณภาพก็จะถูกดำเนินคดีทันที.