ทางเลือกลูกหนี้ ขอพักต้นพักดอก ช่วงโควิด-19 สุดท้ายทำไมหนี้เพิ่ม

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ทางเลือกลูกหนี้ ขอพักต้นพักดอก ช่วงโควิด-19 สุดท้ายทำไมหนี้เพิ่ม

Date Time: 11 เม.ย. 2563 09:52 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • มาตรการช่วยเหลือ พักชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ช่วงโควิด-19 ช่วยเหลือลูกหนี้จริงหรือ สุดท้ายทำไมหนี้เพิ่ม แนะหากมีกำลังผ่อนไหว ควรชำระหนี้ตามปกติ

Latest


มาตรการช่วยเหลือ พักชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ช่วงโควิด-19 ช่วยเหลือลูกหนี้จริงหรือ สุดท้ายทำไมหนี้เพิ่ม แนะหากมีกำลังผ่อนไหว ควรชำระหนี้ตามปกติ

ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความอธิบาย เกี่ยวกับมาตรการ ที่สถาบันการเงินต่างๆ เข็นมาให้ลูกหนี้ ได้เลือกผ่อนปรนการชำระหนี้ เพื่อลดภาระในหลายรูปแบบ ทั้ง พักชำระเงินต้น หรือ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย บรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤติโควิด-19

ซึ่งมีหลายคนสงสัยว่า เลือกแบบไหน ถึงจะตอบโจทย์มากที่สุด โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย ยกตัวอย่างหากเลือกมาตรการต่างๆ ผ่านไป 6 เดือน ตั้งแต่

กรณีแรก ผ่อนชำระตามปกติ สมมติว่า หากคุณเป็นหนี้บ้าน 1,000,000 บาท และมีงวดชำระหนี้จากการกู้ซื้อบ้านเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น 4,000 บาท และดอกเบี้ย 6,000 บาท เรายังจ่ายชำระหนี้ตามปกติ เดือนละ 10,000 บาท เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดเงินต้น ผ่านไป 6 เดือน ยอดหนี้ก็จะเหลือแค่ 976,000 บาท

ดังนั้น หากใครเป็นหนี้และได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อธนาคารเจ้าหนี้เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ ซึ่งจะทำให้เรายังไม่ต้องจ่ายหนี้ตามสัญญา โดยไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ และไม่เสียประวัติ

กรณีที่สอง พักชำระเงินต้น คือ สถาบันการเงินผ่อนปรนให้เรายังไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนดไว้ จากตัวอย่างเดิม สมมติเราเลือกพักชำระเงินต้น 6 เดือน จากปกติจ่ายเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือจ่ายแค่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท และเนื่องจากเราจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้น ยังมีหนี้เหลือ 1,000,000 บาทเท่าเดิม เท่ากับว่า จ่ายดอกเบี้ยอย่างเดียว ในขณะที่เงินต้นไม่ลด

กรณีที่สาม พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องจ่ายทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารในช่วงที่ผ่อนปรน จากตัวอย่างเดิม จากที่ต้องจ่าย 10,000 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายธนาคารเลย เพราะสถาบันการเงินผ่อนปรนให้เรา “ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด” ทั้งส่วนที่ชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย โดยไม่ถือเป็นการ “ผิดนัดชำระหนี้” ซึ่งเราก็จะไม่เสียประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร แต่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ที่ไม่ได้จ่ายตลอด 6 เดือน ยังคงเดินอยู่ และไปเพิ่มยอดหนี้รวมเป็น 1,036,000 บาท

เท่ากับว่า การที่เราขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่ได้ทำให้ดอกเบี้ยตรงนี้หายไป ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่ ทำให้ไม่ได้ช่วยลดภาระหนี้ของเราให้น้อยลง และลูกหนี้ยังคงต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้

ดังนั้น หากใครยังชำระหนี้ไหว ก็ควรจ่ายคืนหนี้ตามปกติจะคุ้มที่สุด.

ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์