นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น แม็คโคร ท็อปส์ เซเว่น-อีเลฟเว่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส เป็นต้น ผู้ประกอบการให้บริการส่งถึงบ้าน (ดีลิเวอรี เซอร์วิส) เช่น แกร็บ ไลน์แมน เก็ต ลาลามูฟ เป็นต้น และกลุ่มผู้รับส่งพัสดุภัณฑ์อย่างบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และเคอร์รี่ มาหารือถึงการส่งสินค้าให้ประชาชนในช่วงโควิด-19 ระบาด และภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการดีลิเวอรี แจ้งค่าบริการขนส่งให้กับกรมการค้าภายในทราบ ภายใน 7 วัน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ เบื้องต้นผู้ประกอบการรายงานว่า ค่าบริการขนส่งอาหารแบบดีลิเวอรีใกล้เคียงกัน เช่น ค่าส่งสินค้า 5 กิโลเมตร (กม.) แรกเฉลี่ยที่ 10 บาท และจากนั้นจะคิด กม.ละ 8-10 บาท ซึ่งผู้ประกอบการสัญญาว่าจะไม่ปรับขึ้นค่าขนส่งในช่วงนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนรวมถึงจะรับพนักงานส่งของเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงาน และจะเพิ่มร้านอาหารเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยร้านอาหารด้วย รวมทั้งสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนที่ต้องอยู่บ้าน ให้มีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้มีการอบรมพนักงานส่งของในเรื่องสุขอนามัย และการป้องกันการติดเชื้อแล้วด้วย
สำหรับกลุ่มห้าง สัญญาจะไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ และจะไม่ทำผิดกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพราะภาครัฐมีความจำเป็นต้องจัดการกับการกักตุนสินค้าหรือการขายเกินราคาค้ากำไรเกินควร สำหรับการขอขยายเวลาการขนส่งสินค้าจากโรงงานไปยังโกดังเก็บสินค้าของแต่ละห้าง รวมทั้งการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆนั้น จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับที่ศูนย์ประชุมโควิดต่อไป เพื่อขอให้รถบรรทุกสามารถขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลา เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อหาสินค้าได้อย่างไม่ขาด และเพื่อให้ห้างสามารถนำของมาเติมชั้นสินค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนเรื่องการตรวจสอบสถานการณ์ขายสินค้าและบริการนั้น ตนได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามเกี่ยวกับเรื่องราคาสินค้าและบริการระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งได้เร่งรัดให้ออกตรวจสอบสถานการณ์สินค้าและบริการต่างๆของแต่ละจังหวัด และรายงานให้ตนทราบทุกวันด้วย.