"อั้ง เมืองชล" จากคนงานร้านทอง เคล็ดไม่ลับสู่เซียนพระ 100 ล้าน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

"อั้ง เมืองชล" จากคนงานร้านทอง เคล็ดไม่ลับสู่เซียนพระ 100 ล้าน

Date Time: 18 มี.ค. 2563 00:01 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • หากกล่าวถึงวงการพระเครื่องไทยแล้วถ้าจะไม่เอ่ยถึง “เซียนพระ” คงไม่ได้ เพราะเหมือนขาดอะไรไป โดยเซียนพระนั้นในวงการพระเครื่องและผู้นิยมพระเครื่องต่างรับรู้ทั่วกัน

Latest


หากกล่าวถึงวงการพระเครื่องไทยแล้วถ้าจะไม่เอ่ยถึง “เซียนพระ” คงไม่ได้ เพราะเหมือนขาดอะไรไป โดยเซียนพระนั้นในวงการพระเครื่องและผู้นิยมพระเครื่องต่างรับรู้ทั่วกันว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถ่ายทอดประสบการณ์ดูพระส่องพระให้ข้อมูลพระแท้พระเทียมสืบสานเรื่องความเป็นมาของพระแต่ละองค์กระทั่งร่วมกันยกระดับวงการพระเครื่องให้ก้าวหน้าเช่นเดียวกับเครื่องดื่ม "โสมพลัส" อร่อยดีมีแรงก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนวงการพระเครื่องด้วยและร่วมออกบูธกิจกรรมในงานจัดประกวดพระเครื่องต่างๆ

ขณะเดียวกันหากจะหาตัวหนึ่งในเซียนพระยุคนี้น้อยคนในวงการนักที่จะไม่รู้จัก “อั้ง เมืองชล” หรือ สมภพ ไทยธีระเสถียร ผู้ซึ่งเลือกดื่มโสมพลัสบำรุงสายตามีผลกับการส่องพระ โดยเรื่องราวกว่าจะมาเป็นเซียนพระที่ได้รับการยอมรับในทุกวันนี้ ผ่านอะไรมาไม่น้อยและคนนอกวงการน้อยคนนักจะทราบเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมายในวงการพระเครื่องไทย

"สมภพ ไทยธีระเสถียร" หรือฉายาที่ทุกคนในวงการรู้จักในนาม "อั้ง เมืองชล" รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยซึ่งเครื่องดื่ม "โสมพลัส" มีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดงานและออกบูธกิจกรรมสมาคมฯ ที่จัดขึ้นสม่ำเสมอทุกเดือนโดยหมุนเวียนเปลี่ยนสถานที่ไปและประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลปไทยเล่าเรื่องราวน่าสนใจว่า กว่าจะมาเป็นเซียนพระเป็นคน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จุดเริ่มต้นการเป็นเซียนพระมาจากเมื่อปี 2513 ทำงานอยู่ที่ร้านทองโดยในร้านทองจะมีพระถูกนำมาใส่กรอบให้ดูตลอดช่วงนั้นท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ราชมานิต กำลังดังพอได้ดูบ่อยๆ ทำให้เกิดความชอบ 

ในชีวิตตนเหรียญแรกที่นำมาห้อยคอคือ หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านเกิดใน จ.ชลบุรี ปรากฏว่า เมื่ออายุ 14 ปี ถูกหมากัดแต่ดันกัดไม่เข้า อีกครั้งที่จำไม่ลืมคือ ห้อยเหรียญของท่านคุณนรรัตน์ ราชมานิตแล้วประสบอุบัติเหตุรถจักรยานล้มจนรถพังเละแต่ไม่เป็นอะไรเลยจึงทำให้จากนั้นมาเริ่มสะสมพระมาเรื่อยๆ

จนกระทั่งปี 2518 ได้เข้าสู่วงการพระเต็มตัวด้วยการเข้าร่วมประกวดพระกระทั่งปี 2522 ได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการตัดสินในการประกวดพระขณะนั้นเริ่มเช่าพระแพงแล้วแต่ระหว่างปี 2514-2518 ที่เริ่มเช่าพระได้พระเก๊มาเต็มเลย แต่ระยะหลังๆ เริ่มรู้แล้วว่าอันไหนพระเก๊หรือพระจริง แต่ก่อนเวลามีงานวัดพระเก๊จะถูกนำไปฝังลูกนิมิต อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มดูพระจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีวันไหนหยุดดูพระเพราะชอบการดูพระทุกวันทำให้ประสบการณ์สั่งสมพูดตรงๆ ว่าเช่าพระเก๊มาเยอะเหมือนกันกว่าจะได้พระแท้

สำหรับการเช่าพระนั้นจะให้เช่าถูกอย่างเดียวไม่ได้ในอดีตเช่าพระเล่นพระลำบากกว่าสมัยนี้เพราะถ้าเช่ามาแล้วเป็นพระเก๊คืนไม่ได้แต่ปัจจุบันถ้าเช่ามาแล้วเป็นพระเก๊คืนได้ฉะนั้นต้องศึกษาคนก่อนว่าเชื่อถือได้ไหมที่จะไปเช่าพระกับใครแต่ที่สำคัญคือ ต้องมีพระแท้ไว้ดูเพื่อที่จะดูเป็นถ้าไม่มีพระแท้ใจไม่ถึงไม่กล้าไม่ซื้อมาดูไม่มีทางดูพระเป็น

หากถามว่าใครเป็นคนสอนวิชาดูพระให้ขอพูดตรงๆ ต้องเริ่มฝึกฝนจากตัวเองสมัยก่อนไม่ค่อยมีใครบอกกันและสิ่งสำคัญอันหนึ่งคือ ใจรักและพรสวรรค์เก่าที่จะช่วยให้จำได้แต่ครูบาอาจารย์ที่เคยดูแลก็มีเป็นคนที่ให้เราได้ดูและศึกษาพระแท้จากเค้า 

การสอนของเซียนพระคือ การเอาพระแท้ให้ดูเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่สมัยก่อนไม่สอนวิธีดูพระกันเพราะราคาถูกไม่แพงเหมือนสมัยนี้บางทีพระสมเด็จ 1 องค์ 8 หมื่นถึงแสน สมัยนั้นถือว่าแพงแต่ก็ยังถูกอยู่ดี เพราะมีเยอะ แต่สมัยนี้ 1 องค์ ราคาเป็น 10 ล้านบาท

ส่วนเทคนิคการดูพระคือ เช่าพระแท้มาดูอย่างเดียวเพราะถ้าไม่มีของแท้ดูจะไม่สามารถดูออกเลยว่าอันไหนเก๊อันไหนแท้ต้องพยายามดูของแท้ให้จำได้เพราะมันจะต่างกันมากโดยครั้งแรกต้องเริ่มจากคนเชื่อถือได้และสืบประวัติพระองค์นี้ดูที่มาที่ไปแล้วจะรู้ว่าต่างกันจริงๆ เหมือนคนเราเวลานำบัตรประชาชนไปถ่ายเอกสารยังไงก็รู้ว่าอันไหนตัวจริงอันไหนตัวถ่ายเอกสารดังนั้นถึงต้องพยายามเช่าพระแท้มาดู

ข้อแนะนำมือใหม่คือ อย่าโลภพยายามเช่าพระแท้ก่อนแล้วอย่าเอื้อมสูงเกินไปหรือถ้ามีกำลังมีเงินพอ เช่าพระสวยดูง่ายที่ทุกคนยอมรับเพื่อเป็นครูให้ได้จริงๆ ต้องดูพิมพ์ก่อนว่าพิมพ์อะไร แล้วเนื้อต้องมีหลายสเตปความเก่า ผิวพรรณ ความแห้ง ถ้าศึกษาตรงจะรู้ได้ แต่ปัญหาคือ ต้องให้คนที่มีความจริงใจคอยชี้แนะค่อยๆ สะสมทีละนิดทีละหน่อยได้

ส่วนพระที่ชอบมากไปไหนต้องพกไปด้วยคือ พระเกศไชโย จ.อ่างทอง ห้อยคอประจำทุกวันโดยเมื่อ 30 ปีก่อน เช่ามาแสนกว่าบาทเหตุผลที่ชอบมากเพราะเกิดปาฏิหาริย์ให้เห็นหลายครั้งโดยครั้งจำแม่นที่สุดคือ พระหายไปพร้อมสร้อยทองทั้งเส้น จุดธูปอธิษฐานขอให้ได้คืนสุดท้ายมีคนนำมาคืนเมื่อพบเหตุการณ์แบบนี้จึงห้อยคอไว้ตลอด

อย่างไรก็ตาม พระที่มีมูลค่าสูงสุดที่เคยครอบครองคือ หลวงพ่อแก้ววัดเทวัญเพิ่งมีคนมาเช่าไปในราคากว่า 100 ล้านบาท หากถามว่าทำไมมูลค่าถึงสูงขนาดนั้นคงเป็นเพราะความชอบความต้องการของแต่ละคนหลวงพ่อแก้ววัดเทวัญ จ.ชลบุรี โด่งดังในเรื่องเมตตามหานิยมมีหมุนเวียนในประเทศไทยไม่ถึง 20 องค์

ทั้งนี้ คิดว่าอะไรที่ทำให้เป็นเซียนพระมีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้คงเป็นเพราะความตรงไปตรงมามีอะไรพูดตรงๆ ปัญหาสำคัญคือ ต้องแนะคนอื่นอย่างมงายเชื่อในสิ่งที่มีเหตุมีผลพระพุทธเจ้าท่านสอนให้เชื่อในสิ่งที่มีเหตุมีผลอยู่แล้วองค์ไหนพระเก๊พระแท้ต้องบอกถ้าไม่เป็นบอกไปเลยว่าไม่เป็นอย่าไปเว่อร์ว่าตัวเองเก่งต้องซื่อสัตย์ซื่อตรงต่ออาชีพตัวเองจะเจริญทุกอย่างชื่อเสียงจะตามมาทีหลังจะมีหรือไม่มีก็ช่าง

ส่วนตัวยังมีคติประจำในการค้าขาย 4 ข้อคือ 1. ไม่ค้าขายกับสมณชีพราหมณ์ไม่คิดเอากำไร 2. ไม่ค้าขายกับผู้มีบุญคุณ 3. ไม่ค้าขายกับผู้ที่ด้อยกว่าคือ คนที่จนกว่าเพราะเค้าเดือดร้อนไม่กล้าเอากำไร และ 4. ไม่ค้าขายกับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้เพราะยากในการอธิบาย 

ฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ถ้าอยากจะมาเป็นเซียนพระนั้น ปัจจุบันไม่ยากเพียงหาครูบาอาจารย์ที่น่าเชื่อถือ และหาพระแท้มาห้อยแต่ต้องเริ่มด้วยการมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาก่อน จากนั้นจะเกิดปาฏิหาริย์ให้ชื่นชอบเองจริงๆ พระทุกองค์มีปาฏิหาริย์หมดอยู่ที่ว่าจะได้พบกับปาฏิหาริย์พวกนี้อย่างไรเท่านั้น ปาฏิหาริย์ก็เหมือนคลื่นโทรศัพท์มองไม่เห็น แต่มีอยู่จริงและขอให้พยายามเล่นพระอย่างใจเย็นอย่าโลภ ต้องมีศรัทธากับพระพุทธศาสนาจริงๆ แต่ถ้าเล่นเพื่อทำมาหากินคงยังไม่เหมาะสมเล่นเพื่อหาเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องเล่นให้มีศรัทธาแล้วเดี๋ยวจะรวยเอง

กับเรื่องการดูแลตัวเองบำรุงร่างกาย บำรุงประสาท บำรุงสมอง และบำรุงสายตา โดยเฉพาะสายตาที่ต้องดูพระแล้ว รวมถึงการดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเคล็ดลับดูแลตัวเองจริงๆ แล้ว พยายามหาของดีบำรุงร่างกายตลอด กินอาหารมีประโยชน์พักผ่อนให้เพียงพอใช้ชีวิตปกติทั่วไป แต่ที่จะให้ดีจริงๆ คือจิตใจต้องดีด้วย ถ้าจิตใจดีทุกอย่างดีหมด จะส่งผลให้รู้จักอภัยทาน รู้จักเป็นผู้ให้ทุกวันนี้ก็ดูแลตัวเองอย่างดี กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ ถ้าพูดถึงอาหารดีที่สุดในเมืองไทยเคล็ดลับ คือ กล้วยน้ำว้า แต่อย่ากินกล้วยน้ำว้าสุกมากตนกินกล้วยน้ำว้ามาทุกวันติดต่อกันมากกว่า 10 ปี กินวันละ 4 ลูก มื้อเช้า 2 ลูก มื้อเย็น 2 ลูก รับรองได้เลยดีต่อสุขภาพบำรุงร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ที่ตนร่างกายแข็งแรง ดูดีสมวัย ประสาทดี สมองและสายตาดี มีแรงเหลือทำกิจกรรมในแต่ละวันเช่นนี้เพราะตนเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ “โสมพลัส” เป็นตัวเลือกเครื่องดื่มที่ใช่และอยากแนะนำต่อด้วยรสชาติอร่อยของโสมพลัสดื่มง่ายมีโสมชั้นดีช่วยบำรุงร่างกายเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาและมีวิตามินบี 12 สูงช่วยบำรุงสมองในโสมพลัสขวดเดียว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์