ยอดใช้ไฟฟ้าเดือน ก.พ.ทรงตัว ไม่ถึงกับร่อแร่ ส่วนเดือน ม.ค.ที่ยังไม่ถูก โควิด-19 ถล่ม ยอดใช้ไฟขยายตัวได้ 6.9% กฟผ.เผยติดตามยอดใช้ไฟจะได้รับผลกระทบจากมหันตภัยโรคระบาดหรือไม่ ด้าน บี.กริม ระบุยอดใช้ไฟยังทรงตัว มีลูกค้าที่ใช้ลดลงขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์ แอร์ เครื่องใช้ในบ้าน ใช้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงยอดการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยในระบบของ กฟผ. ว่า ยอดการใช้ไฟฟ้าเดือน ก.พ.ที่ผ่านมามีปริมาณ 15,415 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 2.14% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เมื่อหารเฉลี่ยตามจำนวนวันที่ปีนี้มี 29 วัน จากปีที่ผ่านมามี 28 วัน พบว่า ยอดใช้ไฟฟ้าไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทำให้ยอดสะสมการใช้ไฟฟ้า 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) มีจำนวนรวม 31,524 ล้านหน่วย
ทั้งนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างการติดตามตัวเลขยอดการใช้ไฟฟ้าต่อไปว่า จะได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 หรือไม่ เนื่องจากหากเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว และเชื่อว่าจะทำให้ยอดการใช้ไฟไม่ขยายตัว จากเดิมที่คาดว่าในปีนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้า จะขยายตัวเท่ากับการขยายตัวของอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2-3%
ส่วนยอดการใช้ไฟฟ้าเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณรวม 16,108 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 6.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากปีนี้สภาพอากาศร้อนรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา และเดือน ม.ค.ยังเป็นเดือนที่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยตามปกติ แต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากประเทศไทยได้รับผลกระทบการระบาดไวรัสโควิด-19 รุนแรงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง อย่างต่อเนื่อง
ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ B.GRIM เปิดเผยว่า ได้ประเมินผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและไวรัสโควิด-19 พบปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมของ บี.กริมเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อยู่ในระดับคงที่ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 แม้ลูกค้าบางรายจะมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นถึง 20% จาก บมจ. AJ Plast และ บริษัท Universal Polybag, กลุ่มผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ในบ้าน ที่เพิ่มขึ้น 9% จากการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ บริษัท Toshiba Consumer Products (Thailand) และ บริษัท Toshiba Carrier (Thailand) และยังมีลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง บริษัท Tenma (Thailand) ซึ่งผลักดันให้หน่วยขายไฟฟ้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 32% เป็นต้น
นอกจากนี้ บี.กริม ยังเดินหน้าขยายฐานธุรกิจทยอยเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 8 เมกะวัตต์ รวมมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 31 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการทยอยเข้าระบบในปีนี้ นอกจากนั้น จากจำนวนโรงงานทั้งหมดมากกว่า 1,500 ราย ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันมี 130 บริษัทที่เป็นลูกค้าของบริษัท ซึ่งยังมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังธุรกิจที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพอีกมาก อาทิ ธุรกิจ ดาต้าเซ็นเตอร์ ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการสำรวจความต้องการในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ในส่วนสถานการณ์ภัยแล้งนั้น บริษัทมีมาตรการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยน้ำส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนร่วม มาจากน้ำที่ผ่านกระบวนการ recycle หรือจากการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และได้มีการเพิ่มขั้นตอนการนำน้ำจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำอีกด้วย.