สรท.คิดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดจีน

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “Thailand Compettitiveness : How to turn challenges into Success? รับมือความท้าทายเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ว่า

การจัดอันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ปัญหาที่เกิดกับเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาเดียวกัน พร้อมๆกัน ทำให้ภาครัฐ เอกชนและประชาชนต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การเคลื่อนย้ายเงินทุนให้ค่าเงินบาทแข็ง การเกิดมลพิษทางอากาศ หรือพีเอ็ม 2.5 และล่าสุดการเกิดไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความชะงักงันทางด้านเศรษฐกิจและยังส่งผลถึงความสามารถในการแข่งขันของไทย แสดงให้เห็นว่าไทยต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร และการทำงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกด้าน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การกระจายความเจริญไปยังภาคต่างๆ รวมถึงการพัฒนาความสามารถทางธุรกิจ และการพัฒนาสุขภาพ คุณภาพชีวิต และทุนมนุษย์

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบกับการผลิตและการส่งออกสินค้าของไทยที่อยู่ในซัพพลายเชนต่างๆ ที่เชื่อมโยงและพึ่งพากัน เช่น การผลิตชิ้นส่วนของบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนให้กับบริษัทแอปเปิล ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานผลิตส่วนประกอบสมาร์ทโฟน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของไทยก็มีการเชื่อมโยงทั้งตลาดจีนและทั่วโลกหลายชนิดมีสัดส่วนที่สูงมาก เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบรถยนต์ที่ส่งออกไปจีนสูงมาก เมื่อจีนประสบปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้สินค้าของไทยได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ทำให้ต้องมีการทบทวนใหม่ว่าเราพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไปหรือไม่ เพราะเมื่อเกิดผลกระทบกับจีนเราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

นอกจากนั้น รัฐบาลควรให้การสนับสนุนการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก การพัฒนาภาคเกษตร ให้ความรู้แก่เกษตรกร เนื่องจากเกษตรกรในประเทศไทยมีจำนวนมากและยังมีรายได้ต่ำเนื่องจากยังขาดการใช้นวัตกรรมภาคเกษตรที่นำมาช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับภาคเกษตร.