นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันขณะนี้ว่า ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งปาล์มทะลาย และน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มความต้องการใช้ในประเทศ โดยเฉพาะการกำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 (มีน้ำมันไบโอดีเซลผสม 10%) เป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศ และทุกสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) จะต้องมีไว้บริการประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 ส่งผลให้มีการใช้ซีพีโอมากถึงปีละกว่า 2 ล้านตัน หรือ 2 ใน 3 ของปริมาณซีพีโอในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีผลจากการส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า 130,000 ตัน ซึ่งทั้ง 2 มาตรการ ทำให้สต๊อกซีพีโอของไทยเหลือเพียง 200,000 ตัน จากสต๊อกปกติ 300,000-350,000 ตัน
ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการสกัดการลักลอบนำเข้าซีพีโออย่างเข้มงวด และล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้มีการติดตั้งมิเตอร์ที่แทงก์เก็บซีพีโอทุกแทงก์ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ตรวจสอบปริมาณซีพีโอที่เก็บอยู่ในแทงก์ได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่งโมง รวมถึง ครม.ยังเพิ่งมีมติกำหนดด่านนำเข้าและส่งออกซีพีโอ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า โดยจากนี้ไป ซีพีโอที่นำผ่านเข้าไทยเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศที่ 3 กำหนดให้เข้าได้ที่ด่านกรุงเทพฯ (คลองเตย) เพียงด่านเดียว จากเดิมเข้าได้ที่ด่านสะเดา นาทวี สตูล ส่วนด่านขาออก จำกัดให้ออกได้เพียง 3 ด่านคือ แม่สอด หนองคาย และจันทบุรี
“จากมาตรการต่างๆ เหล่านี้ ทั้งการเพิ่มความต้องการใช้ในประเทศ และป้องกันลักลอบนำเข้า จะช่วยดันให้ราคาลูกปาล์ม และซีพีโอในประเทศเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้ จากล่าสุดขณะนี้ ลูกปาล์มกิโลกรัม (กก.) ละ 5.20-6 บาท คาดจะขึ้นไปได้ถึง 5.50-6.50 บาท ส่วนซีพีโอ ล่าสุด กก.ละ 35-36 บาท และน่าจะขึ้นไปได้ถึงกก.ละ 37-38 บาท ส่วนสต๊อกที่เหลือ 200,000 ตัน ไม่น่าเป็นห่วง เพราะผลผลิตฤดูกาลใหม่กำลังจะออกในเดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป”.