“พิชญ์ โพธารามิก” โดนอีกแล้ว ถูก ก.ล.ต.สั่งปรับพร้อมพวก กรณีสร้างราคาหุ้น MONO และ JAS โดนปรับรวมกว่า 160 ล้านบาท จากเมื่อเดือน ก.ย.เพิ่งโดนปรับ 59 ล้านบาทกรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น JTS ส่วนอีกแก๊งปั่นราคาหุ้น AIRA สั่งปรับ 5.59 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายพิชญ์ โพธารามิก และผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นอีก 4 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MONO) และกับผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นอีก 3 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 44,236,447 บาท และ 115,875,094 บาท
โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์และตรวจสอบเพิ่มเติม พบการกระทำความผิดฐานสร้างราคาหุ้น MONO และ JAS โดยทั้ง 2 กรณีมีนายพิชญ์ เป็นตัวการทำหน้าที่แหล่งเงินทุน เพื่อใช้ในการสร้างราคาหุ้นร่วมกับผู้กระทำความผิดอื่น ดังนี้ 1. กรณีสร้างราคาหุ้น MONO ช่วงวันที่ 25 ส.ค.58 ถึงวันที่ 22 ธ.ค. 58 นายพิชญ์ และบุคคลอื่นอีก 4 ราย ได้แก่ (1) นางเสาวนิตย์ ถนอมสุวรรณ์ (2) นางลลนา ธาราสุข (3) นางสาวพร้อมศิริ สหบุญธรรม และ (4) นายพิรศักดิ์ เพิ่มบุญญรักษ์ ได้ร่วมรู้เห็นตกลงกันใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง และบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น 1 บัญชี ซื้อขายหุ้น MONO ในลักษณะผลักดันราคา พยุงราคาและทำราคาปิด ซึ่งมีแนวโน้มลดต่ำลง ไม่ให้ลดลงไปมาก อันทำให้สภาพการซื้อขายหุ้น MONO ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด มีผลให้ราคาปิดหุ้น MONO ในแต่ละวันเพิ่มขึ้น 0.02 ถึง 0.74 บาท ตลอดช่วงดังกล่าว
2. กรณีสร้างราคาหุ้น JAS ระหว่างวันที่ 13 พ.ย. 58 ถึงวันที่ 11 มี.ค.59 นายพิชญ์ และบุคคลอื่นอีกอย่างน้อย 3 ราย* ได้แก่ (1) นายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล (2) นางเสาวนิตย์ และ (3) นายพิรศักดิ์ ได้ร่วมรู้เห็นตกลงกันใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายเกริกไกร นางเสาวนิตย์ นายพิรศักดิ์ รวมทั้งบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น 1 บัญชี ซื้อขายหุ้น JAS ในลักษณะพยุงราคาและทำราคาปิด ซึ่งมีแนวโน้มลดต่ำลง ไม่ให้ลดลงไปมาก มีผลให้ราคาปิดหุ้น JAS ในแต่ละวันเพิ่มขึ้น 0.02 ถึง 1.57 บาท ตลอดช่วงดังกล่าว
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) จึงมีมติให้ก.ล.ต.นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้กับทั้ง 2 กรณีข้างต้น ดังนี้ กรณีหุ้น MONO ให้นายพิชญ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง 42,236,447 บาท และให้นางเสาวนิตย์ นางลลนา นางสาวพร้อมศิริ และนายพิรศักดิ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 500,000 บาท กรณีหุ้น JAS ให้นายพิชญ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง 114,375,094 บาท และให้นายเกริกไกร นางเสาวนิตย์ และนายพิรศักดิ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 500,000 บาท
สำหรับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 กรณี หากไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด เป็นเหตุให้เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนด้วย
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 5 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น AIRA โดยช่วง วันที่ 7 ม.ค.58 ถึงวันที่ 27 มี.ค.58 บุคคล 6 ราย ได้แก่ (1) นางสาวนิดา แซ่ลี้ (2) นางดารัตน์ ผาติวุฒิ (3) นายปรัชญา เกียรติกิตติกุล (4) นางสาววราภรณ์ งามเศรษฐมาศ (5) นางสาววีราวรรณ ธาราทิพย์มนต์ และ (6) นางลดา ธาราทิพย์มนต์ ได้ร่วมกันสร้างราคาหุ้น AIRA ให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยทำให้ราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 3.14 บาท เป็นราคา 3.44 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.55% และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 13.49 ล้านหุ้น เป็น 17.17 ล้านหุ้น เพิ่มขึ้น 3.68 ล้านหุ้น คิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.27%
โดยพฤติกรรมของบุคคลทั้ง 6 รายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการอำพรางให้บุคคลอื่นหลงผิดเกี่ยวกับสภาพการซื้อขายหุ้น AIRA อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน (57 วันทำการ) จึงมีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 5 ราย โดยกำหนดให้นางสาวนิดาและนางดารัตน์ ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 690,884.17 บาท นายปรัชญาชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวน 3.2 ล้านบาท นางสาววราภรณ์และนางสาววีราวรรณชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 500,000 บาท ส่วนนางลดาให้ยุติการดำเนินการเนื่องจากเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ก.ล.ต. เพิ่งดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อนายพิชญ์ โพธารามิก กรณีใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์) ซื้อหุ้นบมจ. จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท โดยนายพิชญ์ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของบมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) และบมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) ในทันที เนื่องจากเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ.