(ภาพ : ศุภชัย เจียรวนนท์ (ซ้าย) และ สุพันธุ์ มงคลสุธี (ขวา))
“ศุภชัย” เครื่องร้อน ประเดิมตำแหน่งประธานสภาดิจิทัล รุกหารือ ส.อ.ท. ช่วยกัน รับมือ 5 จี ด้าน “สุพันธ์” หวังสภาดิจิทัล ช่วยกระเตงเอสเอ็มอีไทย เตรียมหารือต่อ สภาหอการค้าฯ ตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย ดันไทยไม่ให้ตกขอบโลก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการหารือกับนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทยว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีความจำเป็นมากสำหรับผู้ประกอบการในทุกภาคส่วน ซึ่งหากเทคโนโลยี 5 จี เข้ามาในประเทศไทย จะส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและลบอย่างมากกับภาคธุรกิจ โดยคาดว่าเทคโนโลยี 5 จี จะนำร่องเข้าไทยในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วงปลายปีหน้า ซึ่งทำให้เทคโนโลยี 5 จี กระจายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้พัฒนาแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน ได้เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่เทคโนโลยี 5 จีไว้หมดแล้ว
ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องเตรียมความพร้อมด้านดิจิทัลให้เร็วที่สุด โดยทั้ง ส.อ.ท.และสภาดิจิทัลฯเห็นว่าควรร่วมกันตั้งคณะทำงานเพื่อเข้ามาช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดทำแพลตฟอร์ม การทำดาต้าเซ็นเตอร์ และบิ๊กดาต้าของภาคเอกชน เพื่อช่วยผลักดันเอกชนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น “จากนี้ไปเทคโนโลยีดิจิทัลและภาคอุตสาหกรรมจะต้องก้าวไปด้วยกัน สอดคล้องกับภารกิจที่ ส.อ.ท.กำลังดำเนินการอยู่ ในการยกระดับด้านบุคลากรไอที การนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในอุตสาหกรรมอาหาร”
ทั้งนี้ ส.อ.ท.มองว่าการจัดทำดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะการร่วมกัน พัฒนามาร์เกตเพลสที่ ส.อ.ท.มีอยู่ จะช่วยผลักดันเอสเอ็มอีให้เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะลงลึกในรายละเอียดด้านความร่วมมือกันต่อไป โดยหลังจากนี้สภาดิจิทัลฯจะไปหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย เพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน 3 หน่วยงาน ทั้ง ส.อ.ท. สภาดิจิทัล และสภาหอการค้าไทยต่อไป โดยล่าสุด ส.อ.ท.ได้ตั้งทีมงานเข้ามาดูแลในเรื่องนี้แล้ว
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯมีพันธกิจที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ เช่น การกำหนดมาตรฐานด้านดิจิทัล การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การพัฒนาศักยภาพด้านบุคลากร การเข้าถึงดิจิทัลของประชาชนทุกกลุ่ม และการสร้าง ระบบนิเวศน์ ที่ดึงดูดทั้งคนและการลงทุน โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้อย่างทัดเทียมกับนานาประเทศ
“สภาดิจิทัลฯมียุทธศาสตร์ที่จะร่วมมือกับ ส.อ.ท. เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศไทย รวมทั้งการช่วยเหลือในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมให้เกิดการปรับตัวหรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่งทุกๆอุตสาหกรรมจะต้องมีมาตรฐานด้านดิจิทัล และภาครัฐจะต้องสนับสนุนผลักดันร่วมกัน โดย เฉพาะด้านเนชั่นแนลคราวด์เซ็นเตอร์ (ศูนย์คลาวด์แห่งชาติ) เพื่อต่อยอด บิ๊กดาต้า ยกระดับองค์ความรู้ด้านดิจิทัลในระดับประเทศและระดับโลก รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร ซึ่งหลังจากนี้จะประสานงานกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อให้ภาคเอกชนเกิดความร่วมมืออย่างใกล้ชิดทั้งสภาหอการค้าฯ ส.อ.ท. และสภาดิจิทัลฯ โดยคาดว่าจะตั้งคณะทำงานแล้วเสร็จภายในปีนี้”.