น.ส.จริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และฝ่ายความมั่นคง เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) จากประเทศมาเลเซียทั้งทางบกและทางทะเล เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศไทยสูงขึ้น กิโลกรัม (กก.) ละ 19-22 บาท ขณะที่มาเลเซีย กก.ละ 14-15 บาท ทำให้มีส่วนต่างมากถึง กก.ละ 6-7 บาท
“กนป. ได้รับทราบราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยราคา ณ วันที่ 28 มิ.ย.ราคารับซื้อผลปาล์มสดอยู่ที่ 4-4.2 บาทต่อ กก. ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 22 บาทต่อ กก. ส่วนราคาเฉลี่ยในเดือน มิ.ย.ราคาผลปาล์มสดอยู่ที่ 3.10 บาทต่อ กก. ส่วนราคาน้ำมันปาล์มดิบ เฉลี่ยอยู่ที่ 19.20 บาทต่อ กก. ซึ่งปรับขึ้นสูงกว่าระดับราคาที่ กนป.ได้คาดการณ์ไว้ จนทำให้ตัวแทนเกษตรกรซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน กนป.กล่าวขอบคุณในที่ประชุม ที่ออกมาตรการมาช่วยทำให้ราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบสูงขึ้นมาได้ จากที่การประชุมก่อนหน้านี้ราคาผลผลิตตกลงมีการต่อว่าทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงาน”
นอกจากนี้ สต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศได้ปรับลดลงจากช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีสต๊อกปาล์มในประเทศสูงถึงประมาณ 400,000 ตัน แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 250,000-270,000 ตัน ทำให้ราคาปาล์มในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กนป.เห็นชอบการทบทวนและปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตโดยไม่ขยายพื้นที่ปลูก การเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันให้ไม่ต่ำกว่า 18% การเพิ่มนวัตกรรมในการผลิตและแปรรูปปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมโอลิโอเคมิคอล ซึ่งเน้นการใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การผลิตเครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ กลีเซอรีน สบู่ น้ำยาซักล้าง เป็นต้น รวมทั้งการผลักดัน พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ให้เป็นกฎหมายที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ เพื่อบริหารจัดการได้เป็นระบบ.