นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (12 มิ.ย.) ตนจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายได้ ซึ่งมีวาระพิจารณาสำคัญคือ ผลการประมูลจัดหาเอกชนบริหารสิทธิ์โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมไปถึงดิวตี้ฟรีใน 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค (ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่) “เรายังไม่สามารถบอกราคาประมูลได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ทอท.อย่างมีนัย จึงต้องให้บอร์ดอนุมัติในวันที่ 19 มิ.ย. และแจ้งผลไปยัง ตลท.ก่อน จึงจะเปิดราคาได้ โดยคาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในช่วงกลางเดือน ก.ค.”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนทั้ง 3 สัญญา พบว่าผู้ที่มีคะแนนสูงสุดเป็นอับดับ 1 คือ กลุ่มคิง เพาเวอร์ แบ่งออกเป็น ข้อเสนอในส่วนของโครงการดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยื่นข้อเสนอในนามบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ยื่นข้อเสนอในนามบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด และโครงการดิวตี้ฟรี 3 ท่าอากาศยาน ยื่นข้อเสนอในนาม บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โดยทั้ง 3 สัญญากลุ่มคิง เพาเวอร์ยื่นรายชื่อประมูลเพียงรายเดียว ไม่มีพันธมิตรร่วม
โดยทั้ง 3 สัญญาที่คิง เพาเวอร์ได้คะแนนสูงสุดนั้น ทอท.ชี้แจงว่าเป็นการพิจารณาตามเกณฑ์คะแนนกำหนด แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.แผนการดำเนินงานของผู้ยื่นข้อเสนอในสัดส่วน 40 คะแนน 2.แผนธุรกิจ 25 คะแนน 3.ค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี 20 คะแนน 4.ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเชิงธุรกิจ 15 คะแนน โดยคะแนนของคิง เพาเวอร์ทั้ง 3 สัญญานั้น พบว่าได้คะแนนสูงสุดอยู่ในเกณฑ์กว่า 90 คะแนน โดยข้อเสนอซองค่าตอบแทนเสนอให้สูงกว่าที่เคยได้รับและคาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันภายใต้โครงการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.ได้รับอยู่ปีละ 2,000 ล้านบาท และยังเสนอส่วนแบ่งรายได้ที่ 20% ตลอดอายุสัญญา 10 ปีด้วย นอกจากนี้ ทอท.ยังมีแผนจัดหาเอกชนบริหารจุดรับส่งสินค้า (Pick up counter) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย โดยคาดว่าจะดำเนินการภายในสิ้นปี 2562 หรือไม่เกินต้นปี 2563 เช่นเดียวกับการเปิดประมูลดิวตี้ฟรีท่าอากาศยานดอนเมือง ที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2565 และจะเริ่มขั้นตอนประมูลในปีหน้า
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องการเปิดประมูลดิวตี้ฟรีเป็นเรื่องของ ทอท. ซึ่งได้ให้นโยบายไปว่า ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐเป็นหลัก และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ต้องไปดูที่เขาชี้แจง แต่ตนยืนยันทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกาทั้งหมด.