มีผลแล้ว โรงพยาบาลต้องแจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และบริการการแพทย์

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

มีผลแล้ว โรงพยาบาลต้องแจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และบริการการแพทย์

Date Time: 30 พ.ค. 2562 15:51 น.

Video

RAVIPA จิวเวลรี่ มู มินิมอล ปั้นแบรนด์ไทยบนเวทีโลก | On The Rise

Summary

  • ประกาศ กกร.กำหนดให้แจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 30 พ.ค.62 ยันโรงพยาบาลเอกชนต้องแจ้งราคา พบเอกชนบางแห่งฟันสุดโหด ใบสั่งยาต้องมีชื่อยา วิธีใช้ กับราคา..

Latest


ประกาศ กกร.กำหนดให้แจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 30 พ.ค.62 ยันโรงพยาบาลเอกชนต้องแจ้งราคา พบเอกชนบางแห่งฟันสุดโหด ใบสั่งยาต้องมีชื่อยา วิธีใช้ กับราคา...

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2562 นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ลงนามในประกาศ กกร. ฉบับที่ 52 พ.ศ.2562 เรื่องการแจ้งราคา การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเกี่ยวกับการจำหน่ายยารักษาโรค เวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลแล้ว เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2562 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.2562 เป็นต้นไป มั่นใจว่ามาตรการนี้จะช่วยดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจากการเข้าไปใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชน 

สำหรับประกาศ กกร.ดังกล่าว กำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายส่ง ต้องแจ้งราคาซื้อ-ราคาจำหน่ายยา เวชภัณฑ์ ค่าบริการ ตามรายการที่อยู่ในบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ (UCEP) เบื้องต้นอยู่ที่ 3,892 รายการ และในอนาคตจะขยายผลให้ครอบคลุมรายการยาตามรหัสบัญชีข้อมูลยาและรหัสยามาตรฐานไทย (TMT) โดยบัญชียามี 32,000 รายการ บัญชีเวชภัณฑ์ 868 รายการ และค่าบริการทางการแพทย์ 5,286 รายการ 

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้โรงพยาบาลที่มีการเปลี่ยนแปลงราคายา ต้องแจ้งให้กรมทราบก่อนปรับราคาภายใน 15 วัน หากไม่แจ้งราคาซื้อ-ราคาจำหน่ายตามที่ประกาศกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง

“กรมส่งประกาศดังกล่าวไปให้โรงพยาบาลเอกชนทั้ง 353 แห่งแล้ว และให้ระยะเวลาในการแจ้งราคาซื้อขาย ภายใน 45 วัน ใครไม่แจ้งจะมีโทษตามที่กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 กำหนด ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลมาครบแล้ว กรมจะนำขึ้นเว็บไซต์กรม และโรงพยาบาลเอกชนต้องแสดง QR Code เปิดเผยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้โดยสะดวกด้วย รวมทั้งจะเชิญโรงพยาบาลที่คิดราคาแพงเกินจริง หรือคิดกำไรเกินจริงมาสอบถามเหตุผลด้วย” นายวิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์โครงสร้างราคายา จากข้อมูลราคาซื้อขาย และราคานำเข้า ที่กรมได้ขอไปยังโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 353 ราย พบว่าโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งมีส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายตั้งแต่ 29.33%-8,766.79% หรือมีส่วนต่างราคาตั้งแต่ 10.83-28,862 บาท และมีกำไรตั้งแต่ 47.73- 16,566.67% ขณะเดียวกันยังพบว่า ยาชนิดเดียวกัน โรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งคิดราคาขายต่างกันมาก ยา XANDASE (allopuirnol 100 มิลลิกรัม) ขายตั้งแต่เม็ดละ 3-20 บาท โดยมีราคากลางที่ 6 บาท, ยา AMPHOTERICIN-B (amphotericin b 50 มก.) ขวดละ 452-2,200 บาท ราคากลางอยู่ที่ 937 บาท, ยา S_DOPROCT (10 กรัม) หลอดละ 17-303 บาท ราคากลาง 148 บาท เป็นต้น 

นายวิชัย กล่าวว่า ภายใต้ประกาศ กกร. ยังได้กำหนดเรื่องใบสั่งยา โดยกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชนประเมินค่ารักษาเบื้องต้นให้ผู้ป่วยทราบ และต้องแจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยทราบ ก่อนจำหน่ายหรือให้บริการ เมื่อผู้ป่วยร้องขอ และในการจำหน่ายยาสำหรับผู้ป่วยนอก ให้โรงพยาบาลต้องออกใบสั่งยาตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรม และใบแจ้งราคายาให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้า โดยใบสั่งยาอย่างน้อยต้องประกอบด้วยชื่อสามัญทางยา ชื่อทางการค้า รูปแบบยา ขนาดหรือปริมาณ จำนวน วิธีใช้ ระยะเวลาในการใช้ และใบแจ้งราคายาต้องประกอบด้วยชื่อยาตามใบสั่งยาและราคาต่อหน่วย หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในส่วนกลางและส่วนจังหวัดเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย กรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการให้บริการรักษาพยาบาลที่เกินความจำเป็น หรือการคิดค่าบริการรักษาพยาบาลสูงเกินสมควร เช่น ปวดท้อง คิดค่ารักษา 30,000 บาท หรือปวดหัว แต่ให้บริการทั้งตรวจตา วัดชีพจร ตรวจลิ้น ทำทีซีสแกน หรือคิดค่าชะโงกจากการนำแพทย์มาให้บริการหลายคน เป็นต้น หากผู้บริโภคเห็นว่ามีการคิดราคาสูงเกินสมควรจริง สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรม โทร.1569 หากกรมตรวจสอบแล้วพบโรงพยาบาลเอกชนผิดจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์