ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบัน การจะมาหวังพึ่งแค่เพียงสร้างโครงการและรอทยอยขายออกไปเพียงแค่นี้ต่อไปคงไม่ได้ ยิ่งหากต้องการเห็นการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทแล้วนั้น ต้องเสริมเติมแต่งอะไรที่มากกว่าแค่การสร้างมาและขายไป
เหตุเพราะผู้บริโภคปัจจุบันต้องการที่พักอาศัยมากกว่าแค่การเป็นสถานที่พักผ่อน แต่ต้องสะท้อนบ่งบอกความเป็นตัวตน และสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขาได้ด้วย ซึ่งก็มีผู้ประกอบการชั้นนำของไทยหลายรายให้ความสำคัญในประเด็นนี้ หนึ่งในนั้นก็คงมีชื่อบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ติดโผมาด้วยแน่
เนื่องด้วยแสนสิริเป็นบริษัทที่ไม่หยุดนิ่ง และไม่ปิดกั้นโอกาสทางธุรกิจของตนเอง ดั่งจะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสนสิริก็เดินเกมรุกนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆที่เป็นประโยชน์แก่การพักอาศัยของลูกบ้าน
รวมถึงการถือกำเนิด “สิริ เวนเจอร์” บริษัทร่วมทุนระหว่างแสนสิริกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในรูปแบบ Corporate Venture Capital มีจุดเด่นในด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต หรือที่เรียกว่า “พร็อพเทค” รวมถึงการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆมากมาย
ซึ่งความสำเร็จในการเฟ้นหาพันธมิตรก็ได้คนเก่งมากความสามารถอย่าง “นายศุภกรณ์ เวชชาชีวะ” หรือ “คุณก้อง” มาเสริมทัพและดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริหาร แสตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล
นายศุภกรณ์ กล่าวว่า ตนเองเข้ามาร่วมงานกับแสนสิริเมื่อเดือน มิ.ย.2559 ซึ่งหน้าที่รับผิดชอบคือการให้คำแนะนำด้านการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ ในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไลฟ์สไตล์ และธุรกิจการให้บริการ
“ดีลที่แสนสิริทุ่มงบกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2560 เพื่อร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกที่มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ประกอบไปด้วย แสตนดาร์ด อินเตอร์แนชั่นแนล, วันไนท์, โฮสต์เมกเกอร์, จัสท์โค, ฟาร์มเชลฟ์ และโมโนเคิล ผมก็เป็นตัวแทนบริษัทร่วมไปเจรจาทางธุรกิจด้วย ซึ่งปัจจุบันแต่ละแบรนด์ต่างมีการเติบโตไปในทิศทางที่ดี อย่างโมโนเคิลก็มีแผนเปิดตัว โมโนเคิล เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ 49 คาดว่าจะเปิดตัวใน 2-3 ปีจากนี้”
นายศุภกรณ์ กล่าวว่า การลงทุนในแบรนด์ด้านไลฟ์สไตล์เหล่านี้มาจากวิสัยทัศน์ของบริษัทแสนสิริที่มุ่งมั่นเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิต ตามภารกิจ Complete Your Living Experience ของบริษัท ที่ต้องการสร้างมากกว่าเพียงแค่ตึกหรืออาคาร แต่เป็นการสร้างคุณภาพชีวิต โดยการได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างชาติก็ช่วยให้บริษัทสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล เรียนรู้และเข้าถึงลักษณะของตลาดในแต่ละพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับในส่วนของโรงแรมเดอะ แสตนดาร์ด ปัจจุบันก็ได้ขยายการเติบโตอย่างรวดเร็วจากเดิม 5 สาขา ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามี โดยขณะนี้ได้ประกาศเปิดโรงแรมแห่งแรกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือที่กรุงลอนดอน ในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ รวมถึงยังเตรียมขยายเพิ่มอีก 12 แห่ง โดยตั้งเป้าเปิดในโซนเอเชียเร็วๆนี้ ได้แก่ มัลดีฟส์ จาการ์ตา กรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา
“ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เดอะ แสตนดาร์ด เติบโตอย่างรวดเร็วคือ ตลาดเอเชียกำลังมองหาแบรนด์โรงแรมแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากเครือโรงแรมทั่วๆไป ซึ่งเดอะ แสตนดาร์ด สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านความครีเอทีฟ แปลก ใหม่ไม่เหมือนใครได้เป็นอย่างดี เพราะความโดดเด่นในการผสมผสานเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ที่มีโรงแรมเข้าไปเปิดได้อยู่ลงตัวทำให้สามารถ มอบประสบการณ์ที่โรงแรมอื่นๆให้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผนวกกับเม็ดเงินลงทุนและความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน จึงมั่นใจว่าเดอะ แสตนดาร์ดจะสามารถขยายสาขาและสร้างปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากในอนาคต”
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทยังเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบงานอาร์ต โดยได้ลงทุนกับสตาร์ตอัพที่ชื่อว่า อาร์ตซี ที่เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะของศิลปินจากทั่วโลกมาแสดงและจำหน่ายในเว็บไซต์ ที่สำคัญเป็นภาพวาดที่ราคาจับต้องได้
นอกเหนือจากการลงทุนด้านไลฟ์สไตล์แล้ว นายศุภกรณ์กล่าวว่า แสนสิริยังให้ความสำคัญกับพาร์ตเนอร์ทางด้านเทคโนโลยี โดยที่ผ่านมาสิริ เวนเจอร์ ลงทุนทั้งในกลุ่มสตาร์ตอัพทั้งของไทยและต่างชาติมากมาย อาทิ Astralink (อิสราเอล) ที่พัฒนาระบบวัดความละเอียดและความแม่นยำของการก่อสร้าง ผ่านการใช้ Augmented Reality (AR) ใช้งานควบคู่บนไอแพด, AppySphere (ไทย) แอปพลิเคชันด้านโฮม ออโตเมชัน, Semtive (สหรัฐอเมริกา) ที่ทำในส่วนของการพัฒนาระบบ Wind Turbine Techmetics (สิงคโปร์) พัฒนาด้านหุ่นยนต์เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย, Huaxing Fund (จีน)-พาร์ตเนอร์ทางด้านการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาฯและล่าสุดได้ลงทุนใน Neuron (สิงคโปร์) ผู้ผลิตและพัฒนาระบบ E-Scooter อีกด้วย.