จี้เลิกเป็น "ไดโนเสาร์"

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ได้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งปรับบทบาทจากเดิมเป็นผู้กำกับ ให้เป็นผู้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยเฉพาะเรื่องผลิตภาพทางการผลิต (Productivity) ซึ่งต้องปรับวิธีคิดใหม่ หากยังคิดแบบไดโนเสาร์ ก็จะออกลูกเป็นไดโนเสาร์ ให้คิดอะไรที่ก้าวหน้า เพราะเวียดนามได้เร่งพัฒนาหลายอุตสาหกรรมขึ้นมาใกล้กับไทย ขณะที่ต่างประเทศเริ่มเปรียบเทียบการลงทุนในไทยกับเวียดนามแล้ว หาก 3 ปียังไม่ปรับตัว ไทยถูกแซงแน่นอน

“ผมยังได้สั่งการให้เร่งขับเคลื่อนการจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) ที่จะลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) วันที่ 28 ก.พ.นี้ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลาง ช่วยส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ตอัพไทยแบบครบวงจร เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ตอัพสู่การเป็นยูนิคอร์น หรือธุรกิจที่เติบโตรวดเร็ว มูลค่าสูง และเป็นการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมยั่งยืน โดยต้องเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป ซึ่งการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัพจะทำหลากหลายธุรกิจ ไม่เน้นเฉพาะฟินเทค”

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เป็นผู้สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นของญี่ปุ่น 20 แห่ง นำความรู้ ความเชี่ยวชาญของแต่ละจังหวัดมาช่วยพัฒนาด้านการเกษตร เกษตรแปรรูปของไทย พร้อมกันนั้น ยังสั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย โดยเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาใช้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ส่วนธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ขอให้เร่งพัฒนาธุรกิจโชห่วยให้เป็นธุรกิจสมัยใหม่ ที่สามารถแข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้.