นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่ประชุม ครม.ในครั้งนี้ ยังไม่มีการบรรจุวาระการพิจารณาเรื่องผลการคัดเลือกผู้ชนะการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมแปลง G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และ G2/61 (แหล่งบงกช) ในอ่าวไทย ให้กับ ครม. เพื่อพิจารณาได้ เนื่องจากที่ประชุม ครม. ในครั้งนี้ มีวาระการประชุมจำนวนมากแล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถเสนอเรื่องดังกล่าวให้เป็นวาระจรได้
“หลังจากนี้ เลขาธิการ ครม. จะบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระปกติเพื่อการพิจารณาต่อไป ส่วนจะทันการประชุม ครม.วันที่ 11 ธ.ค.นี้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้”
วันเดียวกัน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ได้เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันโดยนำไปผลิตไฟฟ้า โดยระบุว่าจะไม่กระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยการวางแผนและเตรียมการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 160,000 ตันนั้น กฟผ. จะใช้เงินในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2,880 ล้านบาท ที่เป็นต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าไฟฟ้า 1,354 ล้านบาท แต่เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน ส่วนต่างดังกล่าวจะได้รับการชดเชยต้นทุนจากกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท และอีก 829 ล้านบาท จะทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณให้เป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) ของ กฟผ.
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่มีการนำไปคิดรวมกับค่าเอฟทีของค่าไฟฟ้า จึงไม่ส่งผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้า ไม่เป็นภาระต่อประชาชน และในส่วนของการเตรียมการเรื่องนี้ กฟผ.จะลงพื้นที่ จ.ชุมพรและสุราษฎร์ธานี ในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ความมั่นใจว่าการซื้อน้ำมันปาล์มเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าบางปะกง จะสามารถช่วยเหลือถึงเกษตรกรชาวสวนปาล์มโดยตรง ซึ่งกรมการค้าภายในมีส่วนร่วมดำเนินการในการจัดซื้อ ณ จุดส่งมอบท่าเรือ โรงสกัด ลานเท ไปถึงเกษตรกร.